วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

บันทึกปาฏิหาริย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์และนิมิตภัยพิบัติ 1-10

 

พระแม่ชี้แจ้ง ข้าพเจ้าไม่ต้องไหว้องค์ที่บารมีต่ำกว่าข้าพเจ้า และองค์ที่เป็นอดีตชาติขององค์หญิงไป๋ทู่

 

วันอังคารที่ 10  มิถุนายน พ.ศ. 2557   

 

พระแม่ชี้แจ้งเวลานี้ข้าพเจ้าเป็นเทพองค์หนึ่งแล้ว หากออกไปพบปะผู้คนแล้วเผลอไปกราบไหว้ผู้ใดที่บารมีต่ำกว่าข้าพเจ้า หรือเผลอไปกราบไหว้ศาล เจ้าที่เจ้าทาง จะไม่ดีต่อบุคคลหรือองค์ผู้นั้นได้ เว้นเสียแต่องค์กิ้วอ้วงฮุกโจ้ว อนุญาตด้วยเหตุผลบางอย่าง   อีกทั้งไม่ต้องกราบไหว้องค์ที่เป็นอดีตชาติขององค์หญิงไป๋ทู่เอง และไม่ควรเข้าวัดทำบุญตักบาตร หรือถวายสังฆทาน

 

ทดสอบจิตจากพระแม่และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ครั้งที่ 2

 

วันพุธที่ 11  มิถุนายน พ.ศ. 2557

 

เช้านี้ข้าพเจ้าได้มีนิมิตฝัน  ในนิมิตนั้นข้าพเจ้าได้เริ่มคบหากับวัยรุ่นคนหนึ่ง ซึ่งหนุ่มผู้นั้นกำลังร่วมทำธุรกิจกับเพื่อน ซึ่งกำลังเดือดร้อนเรื่องเงินอย่างมาก ไม่สามารถจะไปกู้ยืมใครได้ ทั้งนี้ยังขาดเงินอีก 5000 บาท จึงมาขอให้ข้าพเจ้าช่วยโดยการขอยืมเงิน ในขณะที่ตัวข้าพเจ้าเองทั้งตัวมีเงินไม่ถึง 10000 บาท ในครั้งแรกข้าพเจ้าไม่ยอมช่วยเพราะยังไม่ไว้ใจหนุ่มผู้นี้ เนื่องจากเพิ่งรู้จักกัน แต่ก็รู้ได้ว่าเป็นผู้ที่มีจิตใจดี แต่กระนั้นก็ยังไม่ไว้ใจว่าจะสามารถจ่ายเงินคืนได้หรือไม่ แต่ท้ายสุดจึงตัดสินใจที่จะช่วย แต่ถึงแม้ว่าท้ายสุดจะยอมช่วย แต่ลืมที่จะกดเงินไปให้หนุ่มผู้นี้ ครั้นจะให้บัตรATM ไปกดก็ไม่ไว้ใจหนุ่ม ผู้นี้ อีกทั้งรู้ว่าเพื่อน ๆ ที่ร่วมทำธุรกิจนั้นแต่ละคนเป็นคนมีฐานะที่ดีมาก ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่เขาเหล่านั้นจะไม่มีเงิน จึงรู้ว่าหนุ่มผู้นี้ถูกเพื่อนร่วมงานหลอก และพยายามจะอธิบายให้หนุ่มผู้นี้เข้าใจ แต่หนุ่มผู้นี้ก็ยังอยากจะทำ ข้าพเจ้าตั้งใจจะไปหาตู้ ATM กดเงินให้แต่ตื่นนอนเสียก่อน ในนิมิตข้าพเจ้าจึงยังไม่ได้ให้เงินหนุ่มผู้นี้

เมื่อถามพระแม่แล้ว จึงรู้ได้ว่านั่นเป็นบททดสอบของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์  สรุปว่า ยังไม่ผ่าน (เกือบผ่าน) เพราะยังไม่ได้ให้เงิน

เนื่องจากในความเป็นจริงแม้ว่าหนุ่มผู้นั้นจะถูกหลอก หรือไม่มีฐานะเพียงใด แต่ในเวลานั้นเขากำลังเดือดร้อนและเป็นคนที่มีจิตใช้ได้พอสมควร ข้าพเจ้าจึงควรรีบให้ความช่วยเหลือด้วยความเมตตา และปรารถนาดีมากกว่าความกังวลหรือความไม่ไว้วางใจที่มีต่อหนุ่มผู้นั้น และนั่นก็เป็นกิเลสในจิตใจ แม้จะเป็นกิเลสส่วนน้อยแต่ในยามที่ปฏิบัติภารกิจจริง ๆ แล้ว หากข้าพเจ้ายังคงกังวลในเรื่องต่าง ๆ มากกว่าความสำคัญในการช่วยเหลือผู้อื่น ก็คงเป็นความเห็นแก่ตัวและท้ายสุดคงกระทำการด้วยกิเลสมากมายจนเป็นผลเสียหายต่อบ้านเมืองไม่แตกต่างไปจากทุกวันนี้

ดังนั้นเมื่อจิตข้าพเจ้ายังมีกิเลส  แม้จะเพียงกิเลสน้อยสุด แต่ตราบใดที่จิตยังไม่บริสุทธิ์         สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ยังคงไม่สามารถให้ข้าพเจ้าผ่านบททดสอบได้ ยังไม่พร้อมในการปฏิบัติภารกิจ

เมื่อจิตยังใช้ไม่ได้ต้องทำสมาธิเพิ่ม และรอการทดสอบในครั้งต่อไปจนกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะเห็นว่าจิตข้าพเจ้านั้นพร้อมที่จะช่วยเหลือคนบนโลกมนุษย์ด้วยจิตบริสุทธิ์อย่างแท้จริงแล้ว จึงจะสามารถปฏิบัติภารกิจได้

สรุปการทดสอบจิตจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 2 ครั้ง

·        ครั้งแรกภายหลังกราบไหว้ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยเหลือทุกคน แต่ท้ายสุดได้ขอให้ตนเองร่ำรวย  ดังนั้นจิตยังไม่ผ่าน

·        ครั้งที่สอง เห็นคนอื่นกำลังเดือนร้อนการเงินอย่างมาก ตนเองสามารถช่วยเหลือได้ แต่กังวลและลังเลที่จะช่วย  ดังนั้นจิตยังไม่ผ่าน

พระแม่ชี้แจ้งเพิ่ม การทดสอบในครั้งต่อไป ข้าพเจ้าจะสามารถผ่านการทดสอบได้


 

นิมิตชี้แจ้ง ข้าพเจ้าปฏิบัติ อรูปฌาน สมาธิเข้าสู่ฌาน 9 นิโรธสมาบัติ

 

วันศุกร์ที่ 13  มิถุนายน พ.ศ. 2557

 

เมื่อคืนนี้ข้าพเจ้านั่งสวดมนต์พระแม่จบแล้ว จึงนั่งทำสมาธิในเวลา 20.00-21.00 น. แต่ทว่า 2-3 วันที่ผ่านมานี้ ข้าพเจ้านั่งอ่านรายละเอียดบันทึกนี้ทั้งหมดตั้งแต่ต้นเพื่อตรวจสอบรายละเอียดเนื้อหาให้ถูกต้อง จากการนั่งทำงานนาน ๆ ทำให้ปวดหลังจึงนั่งสมาธิไม่ได้นาน ขณะปฏิบัติสมาธิได้มีนิมิตเห็นปริมาณฝนที่ตก แรก ๆ ฝนตกเหมือนธรรมดาแต่กลับตกไม่หยุดและหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งเป็นพายุ กระทั่งน้ำท่วมทั้งเหมือง จากนั้นจึงได้ออกจากนิมิตนอนหลับพักผ่อน และตื่นมานั่งทำสมาธิในเวลา 01.15-03.00  น.

ปกติเวลาที่นั่งทำสมาธิ ขณะจิตนิ่งมักจะเห็นตนเองลอยอยู่กลางอวกาศเสมอ แต่เช้ามืดนี้นั่งทำสมาธิกลับเห็นตนเองตัวใหญ่มาก ทั้งจักรวาลนั้นใหญ่เพียงข้อนิ้วหนึ่งข้อเท่านั้น และอยู่ในสภาวะที่จิตนั้นนิ่งสงบ เมื่อมองเข้าไปจุดดวงตาทิพย์ เห็นเพียงจักรวาลที่กว้างใหญ่ เงียบสงบ ไม่มีสิ่งใดเลย เป็นเพียงความว่างเปล่า จากนั้นจะเห็นร่างกายตนเองใหญ่มากและปลายนิ้วชี้ข้อสุดท้ายได้โอบอุ้มทั้งจักรวาลนี้ไว้ ตัวแข็งเหมือนตอไม้ ไม่รู้สึกอะไรใด ๆ ไม่รู้สึกแม้กระทั่งมีลมหายใจตลอดเวลาที่นั่งทำสมาธิ 

ภายหลังจากออกจากสมาธิ จิตให้สงสัยว่านี่คืออรูปฌานหรือไม่  รุ่งเช้าก่อนตื่นนอนในเวลา 6.30 ได้มีนิมิตฝันว่า มีคนผู้หนึ่งพาข้าพเจ้าไปรู้จักกับพระรูปหนึ่ง ท่านเก่งมาก ท่านบอกว่า ท่านนั่งสมาธิเห็นจักรวาลที่ว่างเปล่า ท่านสามารถจะเหาะไปในอากาศ หรือหายตัวไปที่ไหนก็ได้ สามารถคุยกับใครก็ได้ในที่ต่าง ๆ  จะเสกอะไรก็ได้ ข้าพเจ้าจึงถามท่านว่านั่นคือ อรูปฌานหรือเปล่า เพราะอรูปฌานจะมีแต่ความสงบ กายละเอียดจนมองไม่เห็น ตาไม่มองสิ่งใด หูไม่ฟังสิ่งใด จิตอยู่แต่ในความสงบเท่านั้น ท่านได้แต่อมยิ้มแล้วบอกก็ไม่รู้นะ แล้วก็เดินจากไป

เช้านี้ข้าพเจ้าได้ถามพระแม่ถึงการปฏิบัติสมาธิ และนิมิตที่เกิดขึ้น  พระแม่ชี้แจ้ง  สมาธิที่ข้าพเจ้าปฏิบัตินั้นคืออรูปฌาน และนั่นคือสภาวะที่สมาธิเข้าสู่ฌาน 9 นิโรธสมาบัติ องค์ที่มาชี้แนะในนิมิตฝันนั้นคือ องค์จี้กง  เพื่อให้รู้ว่า ณ เวลานี้ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติสมาธิเข้าสู่นิโรธสมาบัติแล้ว หากปฏิบัติต่อไปเรื่อย ๆ จากนี้าจะมีอิทธิฤทธิ์กายนี้สามารถจะเหาะไปไหนก็ได้ จะหายตัวไปแห่งหนใดก็ได้ โดยที่ไม่ใช่แค่การถอดจิตเท่านั้น แต่ร่างกายนี้สามารถไปได้จริง ๆ ดั่งที่จิตต้องการ

                อีกทั้งนิมิตเห็นฝนตก พายุกระหน่ำกระทั่งน้ำท่วมทั้งเมืองนั้น พระแม่ชี้แจ้งเป็นเหตุการณ์น้ำท่วมที่จะเกิดหลังการจลาจลครั้งใหญ่


 

พระแม่ชี้แจ้ง ถึงเวลาข้าพเจ้าต้องปฏิบัติสมาธิเข้าสู่ นิโรธสมาบัติเป็นเวลา 5 วันเพื่อบูชาพระพุทธเจ้าทั้งสิ้น 20 พระองค์

 

วันเสาร์ที่ 14  มิถุนายน พ.ศ. 2557

เช้านี้พระแม่ชี้แจ้ง  ให้ข้าพเจ้านั่งปฏิบัติสมาธิ นิโรธสมาบัติเป็นเวลา 1 อาทิตย์ (5 วัน)  เพื่อบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ ซึ่งนับจากอดีตจนถึงปัจจุบันพระศากยมุณีสัมมาสัมพุทธเจ้า รวมมีพระพุทธเจ้าทั้งสิ้น 20 องค์ที่ข้าพเจ้าต้องบูชา ทั้งนี้ต้องเร่งปฏิบัติ เมื่อออกจากนิโรธสมาบัติแล้ว ไม่นานนักแม้ในยามที่หลับตาหรือลืมตา ก็สามารถเห็นพระแม่กวนอิมได้  และจึงจะได้ปฏิบัติภารกิจในลำดับต่อไป

แต่เนื่องด้วยข้าพเจ้าไม่สามารถเข้าฌาน โดยการอดอาหารเป็นเวลาติดต่อกัน 5 วันได้ เนื่องจากขันธ์ไม่สามารถทนรับได้ พระแม่จึงอนุโลมให้นั่งเหมือนดั่งพระธุดงค์ คือทานอาหารเฉพาะมื้อเช้า เมื่อนั่งได้ 2-3 ชั่วโมงให้สามารถเปลี่ยนอิริยาบท แล้วจึงกลับไปนั่งเข้าฌานต่อไปตลอดระยะเวลา 5 วันนี้

ข้าพเจ้าจะเริ่มปฏิบัติในคืนวันอาทิตย์ที่ 15 นี้

 

นิมิตดวงตาทิพย์เห็นพระแม่กวนอิม 


วันจันทร์ที่ 16  มิถุนายน พ.ศ. 2557

 

เมื่อคืนนี้ข้าพเจ้านั่งเข้าฌานหลายรอบ รอบละ 2-3 ชั่วโมงและได้เปลี่ยนอิริยาบทในแต่ละรอบ โดยในขณะทำสมาธิได้มีนิมิตเห็นเหล่าเทวดา แต่งองค์เต็มยศ พนมมือปรากฏเบื้องหน้าหลายต่อหลายองค์ จากนั้นได้เห็นพระแม่กวนอิม  (หน้าตาเหมือนกับที่วาดภาพเหมือน)  องค์ท่านใส่สุดชีขาวแบบสมัยแต่ก่อน

เช้านี้หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว จึงกลับเข้าห้องเพื่อปฏิบัติสมาธิต่อ ขณะนั่งหลับตาจิตนิ่งได้สักครู่ จิตได้คิดถึงท่านยมบาล ใคร่อยากให้ท่านยมบาลลงโทษผู้ที่ทำผิดโดยเร็ว สักครู่ได้ปรากฎภาพนิมิตดังนี้

นิมิตแรกเห็นใบหน้า.....ขอไม่เอ่ยนาม ผมเผ้ารุงรัง แลบลิ้นแพลบ ๆ ตลอดเวลา มีร่างกายที่ซูบผอม แขนขามีแต่กระดูก มีมือและเท้าที่ใหญ่มาก เล็บยาว แข้งขา    พันกันสภาพเหมือนสุนัขขี้เรื้อนก็ไม่ปาน สภาพอยู่รอบ ๆ ไฟที่ลุกโชนตลอดเวลา ท่าทางหิวโหยมาก   ตัวเห็นแต่กระดูกซีกโครงหุ้มด้วยหนังเท่านั้น 

นิมิตที่สองเห็นหน้าของ..ขอไม่เอ่ยนาม แต่ตัวเป็นสัตว์ประเภทแมงดาทะเล


ตัวอย่างภาพจาก internet  ในนรกโลกันต์

 

นิมิตดวงตาทิพย์เห็นองค์ชายองค์หญิง  หลวงพ่อโสธร องค์พระศากยมุนีสัมมาสัมพุทธเจ้า

 

วันอังคารที่ 17  มิถุนายน พ.ศ. 2557

 

ค่ำนี้ข้าพเจ้านั่งทำสมาธิ 3 รอบ  รอบละประมาณ 2 ชั่วโมง รอบที่ 3 ตื่นมาทำตอนเที่ยงคืนพอออกจากสมาธิ ได้ทำสมาธิในท่านอนต่อ  ขณะนั้นได้มีนิมิตเห็นองค์ชายองค์หญิงที่นอนอยู่ในผ้าห่มขยับไปมา จึงได้เปิดผ้าห่มดู เห็นองค์ชายองค์หญิงรวมร่างเป็นองค์หญิงอายุ 4 ขวบ ถักเปีย 2 ข้าง น่ารักมาก และฉลาดมาก ใส่ชุดธรรมดาในยุคนี้ มีบุตรสาวคอยดูแลอยู่ใกล้ ๆ อย่างดี และไปเที่ยวกับข้าพเจ้า  จากนั้นได้เห็นองค์หลวงพ่อโสธร ใส่ชุดเสื้อและกางเกงสีน้ำเงินแบบคนสมัยนี้คอเสื้อกลมมีกระดุมผ่าหน้าตลอด  จากนั้นเห็นพระพุทธองค์ใส่เสื้อเชิ้ตและกางเกงแบบสมัยนี้อีกเช่นกัน

ในขณะที่มีนิมิตนั้น ข้าพเจ้ารู้สึกได้ว่าเหมือนร่างกายกำลังจะพยายามลอยขึ้นมาตลอดเวลา แม้ในยามที่นั่งหรือนอนจะรู้สึกได้ตลอด บางครั้งออกจากสมาธินั่งทานน้ำชาก็ยังรู้เหมือนร่างกายจะเบา ๆ ขยับได้โดยไม่ได้ควบคุมไว้  พระแม่ชี้แจ้ง เวลานี้ข้าพเจ้ากำลังหัดลอยตัวอยู่ เพื่อที่จะสามารถเหาะได้

อีกทั้งเมื่อวานนี้ข้าพเจ้าทานอาหารมื้อเดียวเหมือนพระธุดงค์ ตื่นเช้าร่างกายสดชื่นมาก เหมือนกับเมื่อวานได้ทานอาหารค่ำ ตื่นเช้ามาก็ไม่รู้สึกหิวแต่อย่างใด  พระแม่ชี้แจ้ง พระแม่ช่วยให้ข้าพเจ้าไม่หิว ให้ร่างกายสามารถคงอยู่ได้แบบปกติ (ซึ่งปกติข้าพเจ้าอยู่บ้านจะหาของทานทั้งวัน)

เย็นนี้ อากงทำข้าวมันไก่ กลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วบ้าน ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกหิวเล็กน้อย พระแม่อนุญาตให้ทานน้ำซุปผักได้ 1 ถ้วย ไม่ให้มีหมู มีเฉพาะผักและน้ำซุป ระหว่างวันทานผลไม้ได้ พออนุโลมในช่วงนี้เพราะเริ่มฝึก แต่เมื่อปรับตัวได้แล้วก็ไม่สามารถทานได้ ทานได้มื้อเดียวคือมื้อเช้าก่อน 10 โมงเช้า

 


 

นิมิตจากองค์ท่านเห็นองค์พระนารายณ์ พระแม่อุมาเทวี พระแม่ลักษมี

 

วันอังคารที่ 17  มิถุนายน พ.ศ. 2557

 

ค่ำนี้ข้าพเจ้านั่งสวดมนต์และทำสมาธิในเวลา 18.30 น. คิดว่าจะนั่งสบาย ๆ สงบจิตให้นิ่ง   นั่งไม่นานนัก ออกจากสมาธิเวลา 19.30 น. ขณะที่นั่งได้มีนิมิตจากองค์ท่านหลายองค์  ได้เห็นองค์  พระนารายณ์ องค์ท่านมาแบบสวมมงกุฎทอง ไม่ได้ใส่เสื้อ มีสายประดับกาย ใบหน้าเปล่งรัศมีเจิดจรัส ท่านปรากฏพร้อมกับยิ้มให้อย่างอารมณ์ดี  (องค์ท่านเป็นคนอารมณ์ดี ร่าเริง หล่อมาก) จากนั้นก็ได้เห็นองค์พระแม่อุมาเทวี และพระแม่ลักษมี ท่านมาในแบบสยายผมทั้ง 2 องค์  พระแม่ชี้แจ้งเป็นนิมิตจากองค์ท่าน

 

นิมิตแผ่นดินไทยเป็นโครงกระดูก ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

 

วันพุธที่ 18  มิถุนายน พ.ศ. 2557

 

เช้านี้หลังออกจากสมาธิขณะเกือบ 6 โมงเช้า ได้นอนหลับพักผ่อนร่างกาย ขณะพักผ่อนได้มีนิมิต เห็นแผ่นดินไทยปกติเป็นรูปขวาน ได้แปรเปลี่ยนเป็นรูปโครงกระดูกของคนแทน  ข้าพเจ้าจึงได้ถามพระแม่  พระแม่ชี้แจ้งว่า นับแต่นี้ไป แผ่นดินไทย 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะมีปัญหาหนัก มีการก่อการจลาจลตลอด และจะไปเข้าฝักใฝ่กับประเทศอื่น เป็นดั่งการสูญเสียดินแดนไทยไป 3 จังหวัด


 

 

 


ตัวอย่างภาพนิมิต แผ่นดินไทยเป็นรูปโครงกระดูก

 

 

นิมิตจากองค์ท่าน เห็นองค์พระศิวะ และพระแม่สรัสวดี

 

วันพุธที่ 18  มิถุนายน พ.ศ. 2557

 

เที่ยงวันนี้ทำสมาธิออกจากสมาธิเวลา 14.20 ได้ออกมาปรับเปลี่ยนอิริยาบถ  ขณะเข้าฌาน ได้ปรากฏเห็นองค์พระศิวะ  องค์ท่านมาแบบแต่งองค์เต็มยศทองอร่ามตั้งแต่ศีรษะ ทองไปทั้งชุด แทบจะมองไม่เห็นหน้าองค์ท่าน  และได้เห็นพระแม่สรัสวดี 

ทั้งนี้พระแม่ชี้แจ้งว่าทุกครั้งที่ข้าพเจ้าปฏิบัติสมาธิ ในแต่ละช่วงเวลาก็ได้เข้านิโรธสมาบัติทุกครั้ง และในการเข้านิโรธสมาบัติในครั้งนี้ ข้าพเจ้าจะได้เห็นองค์สูง ๆ ทั้งหมดครบทุกองค์ และรอได้เห็นพระแม่กวนอิม จึงจะสามารถปฏิบัติภารกิจได้

ในขณะที่ข้าพเจ้าเข้านิโรธสมาบัติ ทุกองค์ที่มาปรากฏเบื้องหน้าจะแต่งกายเต็มยศ เพื่อให้เกียรติแก่ข้าพเจ้า

 

 

นิมิตฝันจากพระแม่กวนอิม ผ่านการทดสอบจิตครั้งที่ 3

 

วันพฤหัสบดีที่ 19  มิถุนายน พ.ศ. 2557

 

เช้านี้ตื่นตอนตี 4 ตั้งใจว่าจะนั่งทำสมาธิ ขณะนั่งจิตให้นึกถึงความฝันก่อนตื่นนอน จึงได้ถามพระแม่ พระแม่ชี้แจ้งนั่นคือนิมิตจากพระแม่เพื่อทดสอบจิตของข้าพเจ้าครั้งที่ 3  ทั้งนี้ข้าพเจ้านิมิตฝันว่า

ข้าพเจ้าได้ขี่จักรยานยนต์ไปในที่แห่งหนึ่งพบร้านค้า เห็นป้าคนหนึ่งขายทุเรียน (น่าทานมาก) จึงขอซื้อป้าถุงหนึ่ง แต่ได้ขอชิมรสชาดก่อน ปรากฏว่าถุงแรก ทุเรียนเละมาก ป้าจึงเปลี่ยนให้ใหม่ ครั้นพอถุงที่สองพอชิมแล้ว รสชาดจืด ๆ ไม่อร่อยเลย จึงให้ป้าคนขายชิมด้วย พอป้าคนขายชิมแล้วถึงกับคายทิ้ง แต่ขณะคายทิ้งก็ให้ข้าพเจ้าเอามือไปรับและนำไปทิ้งให้

ข้าง ๆ นั้นมีชายผู้หนึ่งขายผ้าปูที่นอน เป็นแบบผ้าทางเหนือ ข้าพเจ้าเห็นแล้วก็อยากได้ แต่ไม่อยากได้ตุ๊กตาที่เย็บติดกับผ้าปูนั้น ชายคนขายก็ตัดตุ๊กตาออกให้  แล้วข้าพเจ้าก็ได้นั่งปักลวดลายลงบนผ้าปูผืนนั้นอย่างงดงาม ปรากฏว่า ชายคนขายได้มาตัดชายผ้าปูออก จนกระทั่งสภาพดูไม่ได้เลย อีกทั้งข้าพเจ้าถามราคา ชายคนขายบอกว่า 500 บาท  โอ้ ข้าพเจ้าตกใจบอกชายคนขายว่าตั้ง 500 บาทเชียวเหรอ (บอกด้วยความเซ็งอารมณ์) ที่สำคัญตัดผ้าของเราจนใช้ไม่ได้เลยเนี่ยนะ  อย่างงี้เราไม่เอาหรอก เราไม่ซื้อ 

แล้วชายคนขายก็หันไปเลือกกระเป๋าสะพายลายหมีแพนด้า แล้วบอกว่าเอาใบนี้ไปแทนได้ไหม คิดให้ราคา  120 บาท ซึ่งในขณะนั้นทั้งเนื้อทั้งตัวเหลือเงินแค่ 120 บาท แต่ก็ยอมที่จะจ่ายให้  เพราะคิดว่าเป็นการชดเชยผ้าปูที่นอนให้กับชายผู้นั้น กลัวคนขายจะขาดทุน ส่วนคนขายก็บอกว่าได้ทุนคืนพอดี พร้อมกับยืนอมยิ้มขณะที่รับเงินอีกทั้งเห็นว่าข้าพเจ้าเหลือเงินในกระเป๋าแค่ 120 บาทจริง ๆ   เพราะชายคนขายก็ได้เห็นกับตาว่าในกระเป๋าเงินข้าพเจ้ามีแค่ 120 บาท พอจ่ายแล้วก็ไม่เหลือเลย     ที่สำคัญซื้อกระเป๋ามาก็ไม่ถูกใจ  ครั้นพอเดินออกจากร้านน่าแปลกใจ ในมือข้าพเจ้ากลับมีเงินมากกว่าเดิมหลายเท่า ไม่รู้มาจากไหน แต่ก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด และได้สะพายกระเป๋าขี่จักรยานเพื่อเดินทางกลับบ้าน

                ทั้งนี้ข้าพเจ้าจึงถามพระแม่  พระแม่ชี้แจ้ง การทดสอบจิตในครั้งนี้ข้าพเจ้าทดสอบผ่านแล้ว เพราะแม้จะไม่เหลือเงินก็ยังชดเชยให้คนขายจนหมดโดยไม่เสียดายเงินเลย แม้จะได้ของที่ไม่ต้องการก็ตาม นั่นคือข้าพเจ้าไม่ได้ยึดติดในเงินทองเลยนั่นเอง อีกทั้งชายผู้ขายผ้านั้นคือ องค์หลวงพ่อโสธร (ท่านแต่งกายเสื้อเชิ้ตลายสก็อตสีแดง กางเกงขายาวสีดำ แต่งแบบชาวบ้านทั่ว ๆ ไป)

               

นิมิตจากองค์ท่าน เห็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพิ่ม

 

วันพฤหัสบดีที่ 19  มิถุนายน พ.ศ. 2557

 

เช้านี้นั่งทำสมาธิราว 9 โมงเช้าออกจากสมาธิในเวลา 10.30 น. เนื่องจากมีนิมิตเห็นองค์ท่านหลายองค์ ต้องรีบออกมาถามพระแม่ก่อน พระแม่ชี้แจ้งเห็นองค์เพิ่มดังนี้

·        องค์พระสังกัจจายน์ (ใบหน้าท่านหล่อมาก หัวเราะอารมณ์ดีหัวเราะตลอด รูปร่างเหมือนดังที่ปรากฏให้เห็นในทุกวันนี้)

·        เทพเจ้ากวนอู

·        องค์พระถังซัมจั๋ง

·        องค์เง็กเซียนฮ่องเต้ (องค์ที่ 10-18)

·        องค์หนี่ออเนี่ยเนี้ย

·        เทพเจ้าฮก 

·        เทพเจ้าลก

·        เทพเจ้าซิ่ว (ใบหน้าท่านเหมือนที่วาดภาพเหมือน)

·        องค์ไฉ่เส่งเอี้ย

·        ท่านพญาครุฑ (แปลงร่างหน้าเป็นนกให้เห็น)

·        ท่านพญานาค (ลำตัวท่านเป็นงู)

·        เทพจันทรา

·        หลวงปู่โต

·        องค์กวงกึงเล่าโจ้ว

·        องค์ฮั่วท้อเซียนซือ

·        ท่านเปาบุ้นจิ้น

·        เทพโป๊ยเซียน  (องค์ทั้ง 8)

·      

·        นิมิตจากดวงตาทิพย์ เห็นนางฟ้า (ใส่ชุดนางฟ้าจีนสมัยแต่ก่อน ดวงหน้างดงามมาก)

 

 

นิมิตเห็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ครบทุกองค์

 

วันพฤหัสบดีที่ 19  มิถุนายน พ.ศ. 2557

 

ค่ำนี้ข้าพเจ้านั่งทำสมาธิออกจากสมาธิในเวลา 21.00 น. และได้เห็นองค์เพิ่มหลายองค์     พระแม่ชี้แจ้งดังนี้

·        องค์พระพรหม

·        องค์พระอนุตรธรรมมารดา

·        องค์พระอวโลกิเตศวร

·        องค์จี้กง

·        องค์ไท้ส่วย

·        4 สาวงามแผ่นดินจีน (ไซซี หยางกุ้ยเฟย เตียวเสี้ยน  หวังเจาจวิน)

·        องค์เจ้าเต๋อฟาง (อ๋อง 8)

·        พระนางบูเช็คเทียน (องค์ท่านนั่งบัลลังก์พร้อมแต่งชุดมีทองอร่ามทั้งชุด ลอยมาจากเบื้องบน)

·        ฮั่นเกาจู่

·        หวังเสี่ยวปอ

·        หวังฟูจือ

·        เจ้าพ่อขุนตาล

·        องค์พระศากยมุนีสัมมาสัมพุทธเจ้าอีกครั้ง องค์ท่านมาในลักษณะนุ่งจีวร อยู่ในอิริยาบถนอนตะแคงขวา มีแสงรัศมีเรืองรองจากศีรษะองค์ท่าน ประทับอยู่ ณ ป่า         อิสิปตนมฤคทายวัน ใต้ต้นโพธิ์

·        พระอมิตาภพุทธเจ้า  หรือองค์ นีทอฮุก ในอดีตกาลพระองค์ทรงเป็นพระบิดาของพระอวโลกิเตศวร 

·        พระอโมฆสิทธิพุทธเจ้า

(พระพระอมิตาภพุทธเจ้า และพระอโมฆสิทธิพุทธเจ้า นั้นท่านมาให้เห็นในลักษณะครึ่งองค์เหมือนดั่งภาพที่ข้าพเจ้าวาดในภาพแรกที่พระแม่ได้บอกให้ลงมาช่วยเหลือคนบนโลกมนุษย์ เห็นสัญลักษณ์           ได้อย่างชัดเจน)

 


พระแม่ชี้แจ้ง ณ เวลานี้ข้าพเจ้าได้เห็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ครบทุกองค์แล้ว จากนี้รอเพียงเห็นพระแม่กวนอิม เพื่อปฏิบัติภารกิจในลำดับต่อไป


 

พระแม่ชี้แจ้ง ข้าพเจ้านั้นเป็นมหาปัจเจกพุทธเจ้าตั้งแต่วันที่ข้าพเจ้าบรรลุเป็นมหาเทพสูงสุดเมื่อราวปีเศษที่ผ่านมา

 

วันศุกร์ที่ 20  มิถุนายน พ.ศ. 2557

วันนี้ข้าพเจ้าออกจากสมาธิในเวลา 11.00 น. ได้ถามพระแม่เกี่ยวกับข้าพเจ้าเองในเวลานี้ ซึ่งพระแม่ชี้แจ้งว่า ข้าพเจ้านั้นเป็นมหาปัจเจกพุทธเจ้าตั้งแต่วันที่ข้าพเจ้าบรรลุเป็นมหาเทพสูงสุดเมื่อราวปีเศษที่ผ่านมา

                แม้นว่าข้าพเจ้านั้นจะเป็นพระมหาปัจเจกพุทธเจ้าแล้วก็ตาม แต่มิได้อยู่ในป่าในเขาเพื่อขัดเกลาจิตตลอดเวลา หากแต่ยังต้องทำหน้าที่และอยู่ร่วมกับมนุษย์ทั่วไป ดังนั้น สวรรค์จึงยังคงต้องทดสอบจิตข้าพเจ้าเป็นระยะนับจากนี้ต่อไป เพื่อขัดเกลาและตรวจสอบจิตข้าพเจ้ามิให้มีกิเลสเข้าครอบงำได้

                พระอรหัตน์ทั่วไป เมื่อบรรลุแล้ว หากพลั้งเผลอ ยึดหลงในกิเลส ความสบายของมนุษย์ทั่วไป บารมีที่สั่งสมก็อาจถดถอย และกลายเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาทั่วไปที่มีกิเลสเหมือนคนอื่น ๆ ได้ ดังเช่นองค์หลวงปู่มั่น เมื่อครั้งองค์ท่านเข้ามาจำพรรษาทำกิจธุระในเมือง และชุมชน เมื่อมีผู้คนถวายเพล ให้ได้รับความสะดวกสบาย ท่านก็เกรงจะยึดติด จึงได้ออกธุดงค์ตลอดชีวิต เพื่อขัดเกลาจิตและกิเลส มิให้ครอบงำได้เสมอ


 

นิมิตพระแม่ชี้แจ้ง ให้ข้าพเจ้ารออีกหน่อย

 

วันศุกร์ที่ 20  มิถุนายน พ.ศ. 2557

 

วันนี้ข้าพเจ้าออกจากนิโรธสมาบัติแล้ว ในเช้าตรู่ของวันนี้ก่อนตื่นนอน ข้าพเจ้าได้มีนิมิตฝันว่า ข้าพเจ้าไปงานเลี้ยงอยู่แถวสวนธน ขณะเลิกงานกำลังจะกลับบ้านก็ค่ำมืดแล้ว ข้าพเจ้ายืนรอรถ แต่ทว่า มีรถคันหนึ่งจอดรับ แต่ผู้คนในรถมีแต่ผู้ชายเต็มคันรถ ข้าพเจ้าจึงคิดว่าดึกมากแล้วในรถมีแต่ผู้ชาย ที่สำคัญไม่เหลือที่ให้นั่งได้อีก จึงยังไม่ขึ้นรถคันดังกล่าว เมื่อรถแล่นไปแล้ว สิ่งศักดิ์สิทธิ์จึงได้บอกว่างั้นให้รออีกสักหน่อย และแท้ที่จริงแล้ว ผู้ชายที่อยู่ในรถนั้นคือองค์กิ้วอ้วงฮุกโจ้วทั้ง 9 องค์  (....ก็นั่งกันจนเต็มคันรถ ไม่เหลือที่ว่างให้นั่งได้เลย)

 


พระแม่ชี้แจ้ง จำนวนชาติภพขององค์นายหลวง ร.9

 

วันพุธที่ 25  มิถุนายน พ.ศ. 2557

 

วันนี้ข้าพเจ้าออกจากนิโรธสมาบัติในเวลา 16.00 น. ได้มานั่งอ่านข่าวสารใน internet  จากนั้นพระแม่ได้ชี้แจ้งเกี่ยวกับจำนวนชาติภพขององค์นายหลวง  พระองค์ท่านได้เกิดมาแล้วนับรวมชาตินี้จำนวนทั้งสิ้น 84 ชาติ และพระองค์ท่านยังจะต้องมาเกิดอีกจำนวน 5 ชาติ นับต่อจากชาตินี้

ชาติปัจจุบันชาติที่ 79 เกิดเป็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว องค์นายหลวงองค์ที่ 9 ของประเทศไทย จำนวนชาติภพทั้งหมดที่แสดงต่อจากนี้จะไม่ได้ลำดับชาติภพ อีกทั้งบางชาติได้แยกปางเป็นจำนวนหลายปาง ซึ่งหากชาติใดแยกปางลงมาจุติจะถือว่าเป็นเพียงชาติเดียวเท่านั้น ทั้งนี้รายนามแต่ละชาตินั้นแสดงให้ทราบชื่อพอสังเขปว่า องค์ท่านได้เคยเกิดเป็นใคร เป็นอะไร ในอดีตชาติที่ผ่านมา ดังนี้

 

1.               หยวนเผย

2.         ซุนฉวนฝาง

3.           จางกั๋วเทา

4.               หลีต๋า

5.               ต่งปี้อู่

6.            เหอซูเหิง

7.          จางจงเสียง

8.               ลู่จงอี๋

9.           เฉาหู่หลิน

10.            ถังจี้เหยา

11.         ฮ่องเต้กวงชี

12.        หยวนซือข่าย

13.           จางจือตัง

14.            จั่วจงถัง

15.          หลี่หงจาง

16.      กงซินหวัง อี้ซู่

17.        ฮ่องเต้ถงจื้อ

18. ฉุนซินหวัง อี้เซวียน

19.     กงชินหวัง อี้ซิน

20.     ฮ่องเต้เสียนเฟิง

21.         เฝิงหยุนซัน

22.         หงซิ่วเฉวียน

23.       ฮ่องเต้เต้ากวง

24.        ฮ่องเต้เจียชิ่ง

25.             ซ่านเป่า

26.             เฉิงเจิง

27.             หยงเจิ้ง

28.             อิ้นเจิ่ง

29.             หลีเสีย

30.           ซิ่งจือชีน

31.         คังฮีฮ่องเต้

32.         เจิ้งชินหวัง

33.         เจิ้งเค่อสวง

34.          สื่อเขอฝ่า

35.       จักรพรรดิปูยี

36.               ต้ายี๋

37.             ต้าอวี่

38.            ซุนจื่อ

39.              ซุ่น

40.           เหยา

41.            ฝูชี

42.    หวงเฟยจือ

43.         จวงจื่อ

44.         เมิ่งจือ

45.         ขงจื้อ

46.     หลี่สือเจิน

47.        จางเหิง

48.      หมอหัวโถ

49.        เอี้ยนจื่อ

50.       ฉู่จวงอ๋อง

51.       เปาซูหยา

52.       อวี๋โป๋เอี๋ย

53.          จงจือชี

54.        เจี้ยนเจิน

55.          ฮั่นอู๋ตี้

56.         คังยงเฉียนเซิ่งซื่อ

57.         จั้นกั๋วเซิ่งซื่อ

58.         คังยงเฉียนเซิ่งซื่อ

59.         เจินกวนจือจื้อ

60.         เหวินจิ่งจือจื้อ

61.         กู้เอี๋ยนอู่

62.         หวงจงซี่

63.         หวังฟูจือ

64.         หลี่จื้อเฉิง

65.         อู่ซันกุ้ย

66.         เอ่อกุ้น

67.         หวงไท่จี๋

68.         หยวนฉงฮ่วน

69.         หมิงอิงจิง

70.         จิ้งเหอ

71.         จูหยวนจาง

72.         หานหลินเอ๋อ

73.         หานซันถง

74.         หลิวฝูทง

75.         หยวนซุ่นตี้

76.         หมิงจง

77.         ไท่ติ้งตี้

78.         อู่จง

79.         เฉินจง

80.         หวังสวิน

81.         กัวโส่วจิ้ง

82.         หลิวปิงจง

83.         หยวนซื่อจู่

84.         กุบไลข่าน

85.         เมิ่งเกอข่าน

86.         วอคั่วข่าน

87.         เจงกิสข่าน

88.         ลู่ซิ่งฟู

89.         เหวินเทียนเสียง

90.         ซ่งตวงจง

91.         ซ่งกงตี้

92.         จินซื่อจง

93.         ซ่งชินจง

94.         ซ่งเสินจง

95.         เจ้ากวงอี้(ซ่งไท่จง)

96.         หลี่หยวนเฮ่า

97.         หวันเหยียนอากู่

98.         หลี่จี้

99.         เหลียวมู่จง

100.   เยลี่เต๋อกวง

101.   เยลี่อาเป่าจี

102.   เมิ่งจื่อเสียง

103.   หวังเจี้ยน

104.   หลี่อี้

105.   หยางสิงมี่

106.   โจวซื่อจง

107.   กัวเวย

108.   หลิวจือหย่วน

109.   สือฉงกุ้ย

110.   หลี่ซื่อหยวน

111.   หลี่เคอย่ง

112.   หลี่ฉุนซี

113.   จูเหวิน

114.   ซงจั้นกั้นปู้

115.   หลี่ยวน

116.   โต้วเจี้ยนเต๋อ

117.   เสินผ่าซิง

118.   เหลียงอู่ตี้

119.   โจวอู่ตี้

120.   เสี้ยวจิ้งตี้

121.   หลิวหยวน

122.   เซี่ยเหลิงยุ่น

123.   เซี่ยอัน

124.   จางจวีเจิ้ง

125.   จักรพรรดิหย่งเล่อ

126.   จูหยวนจาง

127.   ซื่อหมิน (ถังไท่จงฮ่องเต้)

128.   สุยเหวินตี้

129.   พระเจ้าอี่

130.   พระเจ้าซุน

131.   พระเจ้าโจวอู่หวัง

132.   งักฮุย

133.   โจโฉ

134.   ฉินมู่กง

135.   ซ่งเซียงกง

136.   ฉีหวนกง

137.   พรหม

138.   เทวดา

139.   นางฟ้า

140.   พราหมณ์

141.   พระ

142.   แม่ชี

143.   ม้าลาย

144.   สิงโต

145.   นกอินทรีย์

146.   ชะนี

147.   สุนัข

148.   งู

149.   ปลา




 

นิมิตเห็นคลื่นสึนามิสูงราว 6-8 เมตร

 

วันศุกร์ที่ 27  มิถุนายน พ.ศ. 2557                                                                                                                                    

 

วันนี้ขณะนั่งทำสมาธิก่อนเข้านิโรธสมาบัติ ได้นิมิตเห็นภาพคลื่นสึนามิสูงราว 6-8 เมตร กำลังเข้าถาถม โดยคลื่นระลอกแรกนั้นทำให้ผู้คนถูกน้ำซัดไปพอสมควร  ในทันใดนั้นมีคลื่นยักษ์ใหญ่ตามมาติด ๆ  ผู้คนที่เห็นต่างกรีดร้องและวิ่งหนีกันอย่างอลหม่าน แต่ก็หนีไม่ทัน  พระแม่ชี้แจ้งเป็นเหตุการณ์ซึ่งจะเกิดหลังการปะทะของมวลชนและทหาร


ภาพตัวอย่างคลื่นสึนามิคล้ายกับที่เห็นในนิมิต แต่คลื่นที่เห็นนั้นจะมีลักษณะโค้งกว่าในภาพสูงขนาดราว 6-8 เมตร    

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บันทึกปาฏิหาริย์ บทสวดมนต์พระแม่กวนอิม 1-23

ภาคบทสวดมนต์ พระแม่กวนอิม         บทสวดมนต์นี้ ข้าพเจ้าได้ฟังจากบทสวดและถ่ายทอดเป็นตัวหนังสือ พร้อมกำหนดเสียงสูง ต่ำ ให้สอดคล้องกับบทสวด...