วันอังคารที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

บันทึกปาฏิหาริย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์และนิมิตภัยพิบัติ 1-3

องค์เง็กเซียนฮ่องเต้คือองค์ทีกง

 

วันศุกร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2555

                เช้าวันนี้พระแม่บอกว่า องค์ทีกง กับองเง็กเซียนฮ่องเต้เป็นองค์เดียวกัน จำได้ว่าเมื่อไม่นานมานี้ อากง อาม่าได้ตื่นแต่เช้าขึ้นมาไหว้ทีกง  ข้าพเจ้าก็ได้ไหว้เช่นกัน เสร็จแล้วจึงนำใบชาที่ถวายองค์ทีกงมาชงดื่ม แก้วที่ข้าพเจ้าดื่มนั้น ครั้งแรกที่ดื่มรู้สึกได้ว่า ชาแก้วนั้นมีรสชาดที่จืดชืด เหมือนกับมีใครสักคนได้ดื่มชาแก้วนี้แล้วคายออกมา  ลักษณะคล้าย ๆ น้ำลายก็ว่าได้ ซึ่งได้รู้ว่าแก้วนั้นเป็นใบชาที่ถวายองค์ทีกง(องค์เง็กเซียนฮ่องเต้) พระองค์ได้นำไปชงดื่มแล้วจริง ๆ โดยรู้ได้จากชาแก้วแรกที่ข้าพเจ้าดื่ม เป็นเพียงแก้วเดียวเท่านั้นที่รู้สึกได้  หลังจากนั้นแก้วต่อ ๆ ไปก็มีรสชาดตามปกติ

                บ่ายนี้ได้ถามพระแม่เกี่ยวกับพระแม่นางกวัก และเจ้าที่ร้านข้าพเจ้า พระแม่บอกว่าทั้ง 2 องค์ไม่ใช่บริวารของพระแม่ ไม่ใช่เทพ ไม่ใช่เทวดา แต่เป็นในลักษณะเหมือนกันกับกุมารทอง

 

พระแม่กวนอิมมานอนจริง

 

วันเสาร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2555

                เช้ามืดวันนี้ ข้าพเจ้าตื่นแต่เช้าประมาณตี 4 เศษ ๆ เพื่อดูว่าลูก ๆ นอนหลับเป็นยังไง ห่มผ้าอยู่หรือไม่ สักพัก ข้าพเจ้าได้เห็นผ้าห่มที่พระแม่กวนอิมห่ม ขยับเหมือนพระแม่กำลังลุกจากที่นอน แต่ขยับเพียงเล็กน้อย รุ่งเช้าข้าพเจ้าถามพระแม่กวนอิม พระแม่ชี้แจ้งพระแม่ขยับผ้าห่มเอง

 


ภาพที่นอนพระแม่กวนอิม องค์ชาย องค์หญิง องค์หญิงนานา ลูก ข้าพเจ้า

                ตกค่ำ ข้าพเจ้าได้ถามพระแม่ว่าองค์ ร.4 ได้ไปเยี่ยมชมบ้านในวันนั้นด้วยหรือไม่ พระแม่บอกว่าไปด้วย 

                               


 

 

                หมวกใบใหม่

 

วันอังคารที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2555

                สืบเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว มีคืนหนึ่งก่อนกลับบ้านขณะที่รถจอดที่สี่แยกไฟแดงก็ได้เกิดมีรถอีกคันมาชนท้ายรถข้าพเจ้าและอี๊เกียงเสียงดัง โครม  จึงต้องโทรเรียกประกันเพื่อไปดำเนินการเคลมรถ  และวันนี้เป็นวันที่ต้องไปรับรถจึงต้องขึ้นรถไปลงที่กาดหลวง เพื่อขึ้นรถจากกาดหลวงมาที่ร้านอีกต่อหนึ่ง ระหว่างที่ไปถึงกาดหลวง ก็ให้บังเอิญพบเห็นแม่ค้าขายหมวกเล็ก ๆ 2 ใบซึ่งดูแล้วเหมาะสมกับองค์ชายและองค์หญิงจึงได้ซื้อมา โดยองค์หญิงเป็นสีชมพู และขององค์ชายเป็นสีแดง ส่วนของลูกเป็นสีส้ม ในวันนี้ลูกก็ไปโรงเรียนตามปกติ เมื่อมาถึงร้าน ข้าพเจ้ารีบโทรศัพท์หาอาม่า เพื่อบอกว่าอาม่าว่าได้ซื้อหมวกใบใหม่ให้องค์ชายองค์หญิง แต่จะเย็บลูกตุ้มบนหมวกเพิ่มเติมเพราะองค์ชายองค์หญิงชอบ

                เมื่อกลับถึงบ้านตอนค่ำนั่งกินน้ำชากันตามปกติ ลูกบอกข้าพเจ้าว่า วันนี้พระแม่กวนอิมไปที่ร้านหม่าม๊า เพราะได้ยินว่าหม่าม๊าจะเย็บอะไรให้องค์ชายองค์หญิง พอถึงร้านก็เห็นหม่าม๊ากำลังเย็บลูกตุ้มหมวกให้องค์ชายองค์หญิง พระแม่กวนอิมเลยเย็บตามหม่าม๊าเพิ่มอีกใบให้องค์นานา เป็นสีเขียว เพราะองค์นานาชอบสีเขียว ส่วนลูกชอบสีฟ้า



 

                ร่วมดื่มน้ำชา

 

วันพุธที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2555

                วันนี้ตื่นเช้ามาลูกไม่สบายไอมาก ข้าพเจ้าจึงหยุดร้านหนึ่งวันเพื่อดูแลลูก ส่วนอากงก็วิงเวียนศรีษะเล็กน้อย มื้อเที่ยงวันนี้ ข้าพเจ้าผัดมาม่าให้ทุกคนกิน ลูกบอกว่าพระแม่กวนอิมก็ผัดเหมือนกัน

                พอถึงตอนค่ำเราก็นั่งกินชากันเหมือนเดิม ลูกบอกว่า   พระพุทธเจ้า พระแม่ หลวงปู่โต หลวงปู่มั่น พรีเดเตอร์(ในหนังเรื่อง เอเลี่ยนปะทะ พรีเดเตอร์ สืบเนื่องมาจากคนรับใช้ขององค์ชายองค์หญิงนิสัยไม่ดี พระแม่กวนอิมจึงได้ให้ไปเกิดใหม่ และได้สร้างพรีเดเตอร์ที่มีหน้าตาเหมือน irobot มาดูแลแทน ซึ่งองค์ชายองค์หญิงชอบดูเรื่อง irobot และ พรีเดเตอร์มาก )  มากินด้วย อาม่าจึงจัดแก้วน้ำเพิ่มอีก 3 ใบ อาม่าบอกว่าแก้วสีน้ำเงินเป็นของเพระแม่กวนอิม สีขาวใบหนึ่งเป็นของลูก สีขาวอีกใบเป็นขององค์ชายองค์หญิง แต่ลูกบอกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกองค์สลับแก้วดื่ม ไม่ได้ยึดว่าแก้วใครเป็นใคร ใครจะดื่มแก้วไหนก็ได้ ส่วนหลวงพ่อโสธรไม่ได้มาร่วมดื่มด้วย เพราะต้องรีบทำเงิน ตอนนี้ทำเงินอยู่ที่โรงงานสวรรค์อีกที่หนึ่งไม่อยากไป ๆ มา ๆ กลัวจะเสียเวลาเดินทาง จึงนอนหลับที่โรงงานเลย

                และคืนนี้อีกเช่นกัน ข้าพเจ้า ไปขออนุญาตถามพระแม่กวนอิมเกี่ยวกับนิมิตที่ได้เกิดขึ้นเมื่อครั้งหลานชาย สื่ออัง บวชในการทำพิธีวันนั้นได้มีการให้ผู้ปกครองนั่งทำสมาธิ ซึ่งในขณะที่ข้าพเจ้านั่งทำสมาธิ ได้เกิดนิมิต ถึงพระอริยเจ้า เปล่งปลั่งด้วยรัศมีเรืองรอง ทรงเดินมาหาข้าพเจ้า ซึ่งมีกรอบล้อมรอบพระองค์ด้วย ข้าพเจ้าจึงถามพระแม่ว่านิมิตนั้นคือพระองค์ใดมาทรงโปรดพระแม่ชี้แจ้งคือองค์พระศากยมุนีสัมมาสัมพุทธเจ้าปัจจุบันนี้ และลูกบอกว่าการที่พระองค์มาหาข้าพเจ้า เพื่อจะให้ข้าพเจ้ารู้ว่า พระองค์อยู่กับข้าพเจ้านั่นเอง

 

 


               

                น้องสาวบุญธรรมพระแม่กวนอิม

 

วันเสาร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2555

                ค่ำคืนนี้เราทุกคนทานน้ำชากันตามปกติ วันนี้พระแม่กวนอิม หลวงปู่โต และหลวงปู่มั่น พระองค์มาร่วมทานน้ำชาด้วย สักพักข้าพเจ้าคุยกับลูกว่า หม่าม๊าอยากรู้จังเลย เมื่ออดีตชาติหม่าม๊าอยู่กับพระแม่กวนอิม หม่าม๊าชื่อว่าอะไร พระแม่กวนอิมเรียกหม่าม๊าว่าอะไร ลูกบอกว่า พระแม่เรียกหม่าม๊าว่าน้องสาว  ข้าพเจ้าและลูกจึงไปถามพระแม่กวนอิม พระแม่ชี้แจ้ง ขณะที่ข้าพเจ้าอยู่บนสวรรค์เป็นน้องสาวบุญธรรมพระแม่กวนอิม และพระแม่เรียกว่า น้องสาว จริงตามที่ลูกบอก


ตัวอย่างภาพ


 

องค์หญิงวัดความดัน

 

วันอาทิตย์ที่ 30  ธันวาคม พ.ศ. 2555

                เช้าวันนี้ ตื่นนอน ข้าพเจ้านั่งวัดความดันให้อาม่า เพราะอาม่าไม่สบาย หูอื้อ ไปหาหมอเมื่อวันที่ 27 ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนออกจากบ้าน ข้าพเจ้าได้บอกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ว่า วันนี้ข้าพเจ้ากับอาม่าจะไปหาหมอก่อนแล้วค่อยไปเปิดร้าน   เมื่อถึงโรงพยาบาลลานนา ข้าพเจ้าก็ไปหาหมอ  อี๊เกียงไปส่งอาม่า ซึ่งหมอบอกว่า หัวใจรั่ว ความดันสูงมาก ต้องมีการปรับยาตัวใหม่ และให้ซื้อเครื่องวัดความดัน วัดให้อาม่าทุกวันเช้าเย็นเพื่อนำค่าความดันที่วัดให้หมอดูในตอนที่นัดตรวจอีกครั้งคือวันที่ 2 มกราคม 2556   

ภายหลังจากกลับจากหาหมอได้ 2 วัน ลูกบอกว่า องค์หญิงบ่นปวดแขนมา 2 วันแล้ว  ข้าพเจ้าถามว่าเป็นอะไร ลูกบอกว่า  “องค์หญิงบอกว่า มีกระดูกมาตีที่แขน ทำให้แขนปวดยกแขนไม่ขึ้น เหมือนกระดูกจะหัก แต่ก็ไม่หัก”  พออาม่าได้ยิน ก็บอกว่าอย่าพูดไปเรื่อย ลูกทำท่าจะร้องให้และบอกว่า องค์หญิงพูด ไม่ใช่ลูกพูด  ข้าพเจ้าจึงให้ลูกพูดต่อไป เช้านี้ข้าพเจ้าใส่กางเกงขาสั้น พอลูกเห็นเส้นเลือดที่ขาข้าพเจ้า ลูกจึงชี้มาที่ขาข้าพเจ้าแล้วชี้ที่เส้นเลือด และบอกว่า นี่แหละกระดูกเส้นนี้แหละหม่าม๊า  

ข้าพเจ้าจึงเข้าใจแล้วว่า วันที่อาม่าและข้าพเจ้าไปหาหมอ ลูกบอกว่า องค์หญิงเดินทางไปหาอาม่าในโรงพยาบาล  องค์หญิงซึ่งอยู่ในร่างโดเรมอนได้ ค่อย ๆ เดินหา จนพบ พอดีอาม่ากำลังจะตรวจเลือด องค์หญิงก็เข้าร่างอาม่าพอดี  เข็มเจาะเลือดจิ้มถูกมือองค์หญิง ทำให้องค์หญิงปวดเมื่อยแขนไปหมด องค์หญิงบอกว่าปวดแขน จึงบอกให้พระแม่กวนอิมว่า ปวดแขนมากต้องรีบวัดความดัน   พระแม่กวนอิมบอกว่าเดี๋ยวให้หม่าม๊าไปซื้อเครื่องวัดความดันก่อน ไม่ได้วัดมานานแล้ว ต้องไปดูว่าหม่าม๊าวัดยังไง  ดังนั้นเวลาที่ข้าพเจ้าวัดความดันให้อาม่า ลูกจึงมักจะมายืนดูอยู่ข้าง ๆ เสมอ เพื่อว่าพระแม่กวนอิมจะได้วัดความดันให้องค์หญิงได้นั่นเอง

เมื่ออาม่ารู้ความจริงแล้ว จึงได้ถามลูกว่า ทำไมองค์หญิงไม่นั่งดอกบัวไปหาอาม่า ทำไมต้องเดินไป ลูกบอกว่า ดอกบัวขององค์หญิง องค์ชายใส่ปุ๋ยมากเกินไป ดอกเลยเหี่ยวไป ตอนนี้กำลังปลูกใหม่ แต่ยังดอกเล็กอยู่ ยังนั่งไม่ได้

 

 

                สิ่งศักดิ์สิทธิ์ร่วมฉลองปีใหม่

 

วันจันทร์ที่ 31  ธันวาคม พ.ศ. 2555-*

                วันนี้หยุดร้านจัดงานฉลองปีใหม่ที่บ้าน มีการจัดเลี้ยงสุกี้กันในครอบครัวพร้อมทั้งมีจับฉลองของขวัญจำนวน 100 ชิ้น ในวันนี้ข้าพเจ้าได้เชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกองค์มาร่วมงานปีใหม่นี้ และได้ขอถ่ายภาพสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นที่ระลึก โดยภาพที่ถ่ายนี้ได้ปรากฎเป็นภาพดวงแก้วใส ๆ ปรากฎเต็มไปหมด ข้าพเจ้าได้ถามพระแม่กวนอิม พระองค์บอกว่าดวงแก้วนั้นคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาร่วมงานฉลองนั่นเอง ซึ่งขณะที่กินเลี้ยงลูกบอกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากันเต็มไปหมด ไม่มีอยู่บนสวรรค์เลย ทุกองค์เตรียมถ้วย ชาม ช้อนมากันเอง ทุกองค์สนุกมาก

                ลูกบอกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุก ๆ องค์อยู่กับหม่าม๊า มีความสุข

 


ภาพงานฉลองปีใหม่ เมื่อวันจันทร์ที่ 31 ธันวาคม 2555  ณ บ้านสิรินโฮม 2

 

                หุงข้าวน้อยไป

 

วันศุกร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2556

                ทุกวันนี้ อากงเป็นคนทำกับข้าวให้ทุก ๆ คนที่บ้านทาน รวมทั้งทำอาหารถวายสิ่งศักดิ์สิทธิ์    ทุกองค์  ไม่ว่ามื้อใดก็ตามหากอากงทำกับข้าวเป็นพิเศษ เช่น ทำข้าวมันไก่ ทำราดหน้า ทำขนมต่าง ๆ ก็จะเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกองค์มาร่วมทานด้วยเสมอ

                เย็นวันนี้ก็เช่นกัน อากง ทำข้าวมันไก่ถวายทุกพระองค์ โดยปกติอากงจะหุงข้าวประมาณ 5 ถ้วย แต่วันนี้ อากงกลัวว่าจะกินกันไม่หมด จึงหุงข้าวน้อยลงกว่าเดิมเหลือแค่ 3 ถ้วยเท่านั้น เมื่อทำเสร็จก็ถวายทุกพระองค์เหมือนเดิม  

                ขณะที่ถวายเสร็จ สักพักลูกก็บอกกับอาม่าว่า  อาม่า วันนี้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกองค์บอกว่าข้าวน้อยเกินไป ทุกองค์เตรียมถ้วยชามจากเบื้องบน มาต่อแถวกินข้าวมันไก่ที่อากงถวาย แต่ทุกองค์บอกว่า     ไก่กับน้ำซุบพอดีกิน แต่ข้าวน้อยไปไม่พอกิน เพราะว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกองค์ทำงานทั้งวันไม่ได้พักเลย วันนี้ทุกองค์เลยหิวข้าวมาก     เมื่อข้าพเจ้ากลับมาได้ยินจึงรีบไปถามอากงว่า วันนี้อากงหุงข้าวน้อยลงหรือเปล่า อากงบอกว่าใช่ เพราะกลัวว่าข้าวจะกินไม่หมดเป็นของเหลือวันพรุ่งนี้นั่นเอง  ข้าพเจ้าจึงถามลูกว่า พระแม่กวนอิมไปหุงข้าวให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เพิ่มหรือเปล่า ลูกบอกว่าเปล่า พระแม่บอกว่าบนสวรรค์ข้าวหมด มัวแต่ทำงาน ไม่มีเวลาไปห้างฯบนสวรรค์ซื้อข้าว    ข้าพเจ้าจึงรีบยกมือบอกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ขออภัยและรอบหน้าแก้ตัวใหม่ค่ะ



ภาพตัวอย่าง

 

                อุ้มองค์ชายองค์หญิงอี้เกียงหายป่วย

 

วันจันทร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2556

                เช้าวันนี้ตื่นมาอี๊เกียงบ่น ปวดหู หูอื้อตลอด เป็นมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ที่บ้านบอกให้ไปหาหมอ แต่อี๊เกียงไม่อยากไป สักพัก ลูกก็บอกว่า “พระแม่กวนอิมบอกว่า ใครไม่สบายก็ให้มาอุ้มองค์ชายองค์หญิงแล้วก็จะหาย”   ข้าพเจ้าจึงรีบอุ้มองค์ชายองค์หญิงไปให้อี้เกียงอุ้ม และให้องค์ชายองค์หญิงเป่าหูให้อี๊เกียง และอี๊เกียงก็ได้ขอพระแม่ให้ช่วยให้หาย  หลังจากนั้นก็ได้ขับรถออกไปเปิดร้านตามปกติ ปรากฎว่าอี๊เกียงไม่มีอาการปวดหูอีกเลยตลอดทั้งวัน อาการหายเป็นปกติทันที โดยไม่ต้องกินยาหรือไปหาหมอ   

ตกค่ำกลับถึงบ้านอี๊เกียงจึงรีบไปอุ้มพร้อมทั้ง จุ๊บจุ๊บ ขอบคุณองค์ชายองค์หญิง และพระแม่กวนอิม  

 

                นิมิตถึงพระแม่กวนอิม ข้าพเจ้า องค์ชายองค์หญิง   ลูกสาวในอดีตชาติและ นิมิตองค์พระศิวะ

 

วันพุธที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2556

                เช้ามืดของวันนี้ประมาณเกือบ ๆ ตี 3 เห็นจะได้ ข้าพเจ้ารู้สึกตัวชา ขาชาไปหมด ไม่สามารถนอนหลับได้ แต่ก็ไม่อยากให้อาม่ามานวดให้ เพราะกลัวอาม่าจะนอนไม่เพียงพอ  ข้าพเจ้าจึงแก้ปัญหาเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา คือนอนพาดขาขึ้นข้างบนติดผนัง โดยเอาขาพาดขึ้นไปที่ประตูห้องน้ำ พาดไป 15 นาทีก็ยังไม่รู้สึกดีขึ้น จึงแก้ปัญหาด้วยการนั่งสมาธิเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา

                การนั่งสมาธิในคืนนี้ ก็ได้ภาวนาคาถาชินบัญชร สักครู่เมื่อจิตเริ่มรวมเห็นดวงแก้วสว่างไสวปรากฎ จึงได้พยายามมองตามดวงแก้วนั้นท่องไปในจิตตามที่จิตจะพาไป  สักพักก็ได้มีภาพนิมิตปรากฎขึ้น เป็นภาพของ พระแม่กวนอิม ข้าพเจ้า  ลูก และองค์ชายองค์หญิงเมื่ออดีตชาติ ทุกองค์สวมชุดสีขาวสว่างไสว ยืนอยู่บนภูผาใหญ่ ท่ามกลางเมฆสีขาว และกำลังรีบร้อนเหาะจะไปไหนสักแห่ง ในนิมิต ข้าพเจ้าได้แต่มองและถามว่า นั่นมีหม่าม๊าอยู่ด้วย แล้วเราจะรีบไปไหนกันล่ะ ??  สักครู่ภาพนิมิตก็หายไป ปรากฎเป็นภาพอื่น ๆ แทน

                เมื่อออกจากสมาธิ ขาเริ่มหายชา จึงได้เข้านอนต่อ เพราะใกล้จะสว่างแล้ว อากงใกล้จะตื่นนอนมาทำกับข้าวให้ลูกหลานกินแล้ว ขณะที่หลับข้าพเจ้าก็ได้นิมิตว่า  พวกเราทุกคนอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง เวลานั้นเหมือนจะมีภูติผีมาปรากฎและจะพรากเอาชีวิตคนไป ทันใดนั้น อากงได้ก้าวออกจากประตูและเดินลงบันไดไป ข้าพเจ้าเห็นเข้า จึงรีบเรียกและรีบไปจูงแขนอากง บอกอากงว่า เข้าบ้านกันเถิด จะได้ไม่มีอะไร อากงบอกว่าจะไปตามหลาน  ข้าพเจ้าบอกว่ายังไม่ต้อง ทุกคนอยู่บนบ้าน ทุกอย่างใกล้เสร็จแล้ว อากงจึงยอมเดินตามข้าพเจ้าขึ้นมาบนบ้าน เมื่อเข้าบ้านเสร็จ อี๊เกียงและข้าพเจ้าจึงรีบปิดประตูและใส่กลอนประตูอย่างหนาแน่น  ครั้นพอหันหลังไปในตัวบ้านก็พบเห็นโต๊ะขนาดใหญ่มาก และมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ประทับอยู่ พร้อมทั้งมีองค์พระศิวะองค์ใหญ่สูงราว ๆ 2 เมตรเห็นจะได้ ท่านมีหลายกรมาก แต่ละกร ก็มีอาวุธพร้อม ข้าพเจ้าเห็นและบอกว่า ในที่สุดข้าพเจ้าก็สร้างองค์พระศิวะเสร็จแล้ว  และได้ให้อากง จุดธูป กราบไหว้และอธิษฐานพร้อมกับข้าพเจ้าว่า “ขอพระพุทธองค์ โปรดทรงคุ้มครองให้ทุก ๆ คนแคล้วคลาดจากภยันตรายทั้งปวง ให้มีสุขภาพที่แข็งแรง ให้ลูกหลานทุกคนมีชีวิตที่ร่ำรวย เจริญรุ่งเรืองในทุก ๆ ด้านด้วยเทอญ” และข้าพเจ้าก็ได้ตื่นนอน

                เมื่อตื่นนอน ข้าพเจ้าจึงถามลูกในสิ่งที่ข้าพเจ้ามีนิมิต ลูกบอกว่า พระแม่กวนอิมรีบไปเอาเงิน  ส่วนที่ข้าพเจ้ากับอากงจุดธูปอธิษฐานก็จะได้ตามนั้น เคราะห์กรรมกำลังจะหมดแล้ว ความเจริญรุ่งเรืองกำลังจะมา

                และเมื่อข้าพเจ้ามาถึงร้าน ก็ได้ถวายน้ำชาแด่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกองค์ และสวดมนต์เหมือนเช่นเคย และข้าพเจ้าก็ได้ถามพระแม่กวนอิม พระแม่กวนอิมชี้แจ้ง ในนิมิตเห็นกำลังจะรีบไปไหนสักแห่งนั้น แท้จริงคือพระแม่กวนอิมและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์กำลังรีบไปทำเงิน

 

 


ภาพในนิมิตภาวนาขณะนั่งทำสมาธิ ทุกองค์กำลังรีบไปทำเงิน 


ตัวอย่างภาพในนิมิตภาวนาอากงจุดธูปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่บ้านพร้อมทั้งพระศิวะ

ทั้งนี้การจัดตั้งองค์พระยังไม่ถูกต้อง รอพระแม่แก้ไขให้ภายหลังจากนี้


 

                นิมิตสมาธิภาวนาถึงพระพุทธองค์และองค์เง็กเซียนฮ่องเต้

 

วันพฤหัสบดีที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2556

                เช้ามืดของวันนี้ประมาณเกือบ ๆ ตี 3 ค่ำคืนนี้ข้าพเจ้ารู้สึกชาที่ขาเล็กน้อยจึงทำให้ตื่นนอน แต่ก็รู้สึกอยากจะนอนต่อด้วยอากาศของค่ำคืนนี้ค่อนข้างจะเย็น ขณะที่กำลังเคลิ้ม ๆ ก็ได้ยินเสียงขององค์หญิงมาเรียกว่า “หม่าม๊า  นั่งมาธิ “ อยู่ 2-3 ครั้ง ข้าพเจ้าจึงได้ตื่นนอนเพราะเข้าใจว่าองค์หญิงคงปลุกให้ข้าพเจ้าลุกขึ้นมานั่งทำสมาธินั่นเอง

                จากนั้นข้าพเจ้าก็ได้เริ่มหลับตานั่งทำสมาธิ สวดภาวนา บทคาถาชินบัญชรขององค์หลวงปู่โตเช่นเดิม เมื่อสวดเสร็จขณะที่นั่งจิตนิ่งได้สักครู่ พอจิตรวมก็เริ่มเป็นภาพนิมิตปรากฎขึ้น เป็นพระพุทธองค์สีทองอร่าม องค์ใหญ่ราว ๆ 3-4 เมตรได้ สักพัก ที่หน้าพระพักตร์ของพระพุทธองค์ก็ได้ปรากฎภาพอีกองค์หนึ่ง ท่านแต่งองค์เป็นสีทองทั้งชุด สวมเครื่องประดับเต็มยศ คล้าย ๆ กษัตริย์สมัยแต่ก่อน        พระพักตร์องค์ท่านเจิดจรัส เปล่งด้วยบารมี ยิ้มแย้ม จากนิมิตที่เห็นคาดว่าองค์ท่านคงอายุราว ๆ 50 กว่า ๆ เห็นจะได้  หุ่นเพรียวบาง รูปร่างสมส่วน แข็งแรงแต่ไม่กำยำ  จากนั้นก็มีภาพของผู้หญิงคนหนึ่งแต่งชุดสมัยแต่ก่อน ไว้ผมยาว รวมผมด้านหลังพอหลวมๆ องค์กษัตริย์และหญิงผู้นั้นได้พาข้าพเจ้าไปชม ชัยภูมิ วิวทิวทัศน์ในสมัยอดีตกาล อันเป็นยุคสมัยของพระองค์ครองแผ่นดิน ซึ่งเป็นดินแดนที่อุดมสมบูรณ์และสวยงามยิ่งนัก ป่าไม้ร่มรื่น เขียวขจีไปทั่วสารทิศ และภาพก็จางหายไป  ข้าพเจ้าได้นั่งทำสมาธิต่อไปอีกสักพักราว ๆ 1 ชั่วโมงเห็นจะได้ จึงได้ออกจากการภาวนา

                ครั้นตื่นนอนมาเปิดร้าน ถวายน้ำชาและสวดมนต์เสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงได้ถามพระแม่เกี่ยวกับนิมิตเมื่อคืนนี้ขณะที่นั่งทำสมาธิ พระแม่ชี้แจ้งว่า องค์ที่เห็นนั้นคือองค์เง็กเซียนฮ่องเต้ ส่วนผู้หญิงที่เห็นนิมิตนั้น คือพระแม่อุมาเทวี และการที่องค์เง็กเซียนฮ่องเต้ และพระแม่อุมาเทวีมาโปรดในนิมิต และนำพาข้าพเจ้าเที่ยวชมชัยภูมิทัศนียภาพอันงดงามในอดีตกาลนั้น จุดพระสงค์ของพระองค์เพื่อจะให้ข้าพเจ้าได้ทราบว่าในอนาคตผู้คนทั่วหล้าจะอยู่อย่างมีความสุข บ้านเมืองอุดมสมบูรณ์ดังเช่นในอดีตกาล

 

 

ภาพองค์เง็กเซียนฮ่องเต้ปรากฎเป็นภาพซ้อนอยู่เบื้องหน้าขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าในนิมิตสมาธิภาวนา

 


ภาพวิวตัวอย่าง พระแม่อุมาเทวีพาเที่ยวชมชัยภูมิและทิวทัศน์ของประเทศท่านในอดีตกาลในนิมิตสมาธิภาวนา

 

                สถานที่หลวงพ่อโสธรทำเงิน

 

วันศุกร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2556

                ค่ำวันนี้ข้าพเจ้าเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาร่วมทานน้ำชา มีพระแม่กวนอิม หลวงปู่โต หลวงปู่มั่น       พรีเดเตอร์ หลวงพ่อโสธร และพระยูไล มาร่วมทานน้ำชาด้วย ลูกบอกว่าให้อากง อาม่าดื่มน้ำชาของหลวงปู่มั่นจะได้ไม่แก่

                ลูกได้บอกให้ฟังว่า หลวงพ่อโสธรไปทำเงินที่โรงงานบนสวรรค์ ต้องเดินผ่านเมฆ และข้ามสะพานโค้ง แล้วเดินข้ามก้อนเมฆ จะเห็นสายรุ้ง ก็เดินเข้าไปข้างในสายรุ้ง ก็จะพบบ้านที่โรงงานทำเงิน เมื่อทำเสร็จก็จะแพ็คใส่กระเป๋าเอากลับไปเก็บไว้ที่สวรรค์

 

 


ตัวอย่างภาพวาดทางเดินทางโรงงานทำเงินของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามที่ลูกบอก

 

                วิธีการทำเงินของสิ่งศักดิ์สิทธิ์

 

วันเสาร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2556

                ค่ำวันนี้ขณะที่กำลังนั่งดื่มน้ำชา ลูกได้อธิบายถึงขั้นตอนและวิธีการในการทำเงิน (ผลิตเงิน) ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งทำอยู่ 2 อย่างคือ ทำแบงค์ และทำเหรียญ

                วิธีการทำแบงค์  สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะต้องทำการวัดขนาดของกระดาษ จากนั้นก็จะทำการวาดรูป วางรูปพระเจ้าอยู่หัว แล้วทากาวใส่ตัวเลข 1000 จากนั้นก็ระบายสี เป็นอันเสร็จการทำแบงค์

                วิธีการทำเหรียญ สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะหาเหล็กที่มีลักษณะเป็นรูปทรงกลม วัดขนาด จากนั้นก็ติดรูปพระเจ้าอยู่หัว แล้วนำตัวเลข  มาทากาวติดจากนั้นก็ระบายสีทองเป็นอันเสร็จการทำเหรียญทอง

 

 


ภาพตัวอย่างการทำแบงค์และเหรียญจาก internet คล้ายกับวิธีของสิ่งศักดิ์สิทธิ์

 

                ที่มาองค์ชายชอบ “คร่อก zzz” องค์หญิงชอบ “ตด”

 

วันจันทร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2556

                ค่ำวันนี้ขณะที่กำลังนั่งดื่มน้ำชา ลูกบอกว่าสาเหตุที่องค์ชายชอบนอนหลับตลอด เพราะว่าสมัยแต่ก่อน องค์ชายไม่สบายมีน้ำมูกบ่อย ๆ พระแม่กวนอิมเลยให้องค์ชายนอนหลับพักผ่อนให้มาก ๆ จะได้หายเป็นหวัด จึงทำให้องค์ชายติดการนอนหลับได้ง่าย



 

 

                ส่วนองค์หญิง เนื่องจากว่าปวดท้องบ่อย พระแม่กวนอิมจึงบอกให้องค์หญิง “ตด” ออกมาให้    มาก ๆ และบ่อย ๆ จะได้หายปวดท้อง จึงทำให้องค์หญิงตดบ่อย

 

                นิมิตถึงองค์หนี่ออเนี่ยเนี๊ย หรือเจ้าแม่ทับทิม หรือเจ้าแม่หนี่วา

 

วันจันทร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2556

                ค่ำวันนี้ขณะที่กำลังนั่งคุยกับอาม่าและลูกบนที่นอน เมื่อคุยกันพอหอมปากหอมคอ จึงได้ตระเตรียมให้ทุกคนนอนหลับ ในขณะที่ข้าพเจ้ากำลังหลับตาเพื่อจะหลับนั้น ชั่วครู่นั้นให้รู้สึกถึงภาวะจิตที่นิ่ง และทันใดนั้นเองได้มีภาพองค์มาปรากฎอยู่เบื้องหน้า องค์ใหญ่ขนาด 60 เซ็นติเมตรได้ องค์ท่านสว่าง เปล่งปลั่ง ใส่ชุดสีทองอร่าม  ข้าพเจ้าได้จ้องมองสักพัก ภาพก็หายไป แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นองค์ใดมาปรากฎในนิมิตนั้น ภายหลังจึงรู้ว่าเป็นองค์หนีออเนี่ยเนี้ย

 


ภาพองค์หนี่ออเนี่ยเนี๊ยขณะหลับตากำลังจะหลับ

 

                ราวกลางดึก ข้าพเจ้าตื่นขึ้นมานั่งทำสมาธิ ได้สวดภาวนาคาถาชินบัญชร สักครู่จึงได้นอนหลับต่อ ขณะที่นอนหลับนั้น ก็ได้มีนิมิตเป็นความฝัน  ในฝันนั้นมีผู้ชายวัยรุ่นอายุราว ๆ 25-26 ปี (ทรงหน้าค่อนข้างกลม ผมสั้นคล้ายสกรีนเฮด ไรผมช่วงหน้าผาก มนแหลมลงมา) ได้เดินทางมาจากต่างประเทศเพื่อมาหาข้าพเจ้า และมีแฟนสาว พร้อมทั้งมีคุณย่าอีกคน(ผมบ๊อบสั้นเท่าคอ)  ในฝันนั้น คุณย่าคนนั้นรักใคร่เอ็นดูในตัวข้าพเจ้ามาก เพราะเห็นว่าข้าพเจ้าเป็นคนที่มีจิตใจดีงาม ส่วนชายหนุ่มนั้นก็ชอบพอข้าพเจ้ามากเช่นกัน ข้าพเจ้ารู้ได้ทันทีว่าชายหนุ่มนั้นคือเจ้าของคฤหาสน์ที่คล้ายบ้านในฝัน พร้อมทั้งปรากฎภาพคฤหาสน์ให้ข้าพเจ้าได้เห็นในนิมิตซึ่งเหมือนกันกับคฤหาสน์หมู่บ้านในฝันที่ได้พบมาก่อนหน้านี้  

 

 


ซึ่งทั้งคุณย่าและชายหนุ่มนั้นอยากให้ข้าพเจ้าแต่งงานด้วย แต่ข้าพเจ้าเห็นว่าชายหนุ่มนั้นมีแฟนสาวอยู่แล้ว(หญิงสาวผมยาว หน้าตาสะสวย) จึงไม่อยากผิดศีลธรรมเป็นบาปกรรมโดยไปแย่งของผู้อื่น แต่ชายหนุ่มและคุณย่านั้นบอกว่า “แน่ใจแล้วหรือ ตัดสินใจอีกทีนะ”  สุดท้ายข้าพเจ้าจึงเปลี่ยนใจ เข้าร่วมงานเลือกคู่ เมื่อถึงงานปรากฎว่า คุณย่าท่านนั้นและชายหนุ่มนั้นชอบพอข้าพเจ้า จึงเลือกข้าพเจ้า และชายหนุ่มนั้นได้ให้คฤหาสน์หลังนั้นพร้อมทรัพย์สมบัติและพาข้าพเจ้าเหาะไปอยู่ที่คฤหาสน์หลังนั้นบนสวรรค์โดยไม่ได้แต่งงานแต่อย่างใด และข้าพเจ้าก็ตื่นนอน

 

รุ่งเช้าของวันอังคารที่ 15 มกราคม 2556 หลังจากข้าพเจ้าตื่นนอนก็ได้นั่งระลึกถึงองค์ที่ได้เห็นก่อนจะเข้านอน และระลึกถึงนิมิตความฝันเมื่อคืนนี้ จึงได้ไปถามพระแม่กวนอิม องค์ที่ข้าพเจ้าเห็นในนิมิตก่อนเข้านอนคือใครนั้น พระแม่ชี้แจ้งองค์นั้นเป็นองค์ หนี่ออเนี่ยเนี๊ย   ส่วนความฝันถึงชายหนุ่มนั้น หมายความว่า เมื่อถึงเวลา จะมีชายคนหนึ่งมาให้คฤหาสน์พร้อมทั้งทรัพย์สมบัติมหาศาลแก่ข้าพเจ้าเอง  ชายผู้นั้นจะให้ทุกอย่างแก่ข้าพเจ้าตามที่สวรรค์กำหนดโดยไม่ได้มีเงื่อนไข   ใด ๆ  และพระแม่บอกว่าชายหนุ่มผู้นั้นคือ องค์ชายอั้งไห้ยี้ ส่วนคุณย่าของชายหนุ่มนั้นคือ องค์หนี่ออเนี่ยเนี๊ย (ข้าพเจ้าก็ยังคงไม่ค่อยเข้าใจถึงวิธีการในการจะได้บ้านใหม่ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่จะให้มากนัก คือบ้านที่เห็น หรือคืออีกหลังที่เหมือนหลังที่เห็น แท้จริงแล้วจะมาอย่างไร เอามาทำอะไร ยังต้องรอการคลายปริศนาต่อจากนี้)

 

 


ภาพองค์หนี่ออเนี่ยเนี๊ย(คุณย่า)และองค์ชาย(ชายหนุ่มวัยรุ่น)ในนิมิต


 

องค์พระแม่อุมาเทวีและเทวดาปรากฎบนภาพถ่ายบ้านใหม่ ในผนังห้องน้ำ

 

วันพุธที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2556

                วันนี้เป็นวันครู เด็ก ๆ หยุดเรียน เช้านี้พาลูก อาม่า มาที่ร้าน เวลา 11.10 นาที ข้าพเจ้าเปิดดูภาพบ้านที่เคยปรากฎในห้องน้ำที่ได้ถ่ายไว้ ข้าพเจ้าได้สังเกตเห็น องค์เทพผู้หญิงผมยาว ยืนหันหลังปรากฎในภาพถ่าย กำลังมองดูบ้านอยู่ จึงได้ถามพระแม่กวนอิม พระแม่บอกว่าเป็นองค์   พระแม่อุมาเทวี   ซึ่งแต่งองค์เหมือนกับภาพนิมิตในฝันตอนที่พาข้าพเจ้าไปเที่ยวชมเมืองในอดีตสมัยองค์  เง็กเซียนฮ่องเต้นั่นเอง

 

 

 

ภาพถ่ายบ้านที่ผนังห้องน้ำ

อีกสักพัก ข้าพเจ้าได้กลับไปดูภาพถ่ายบ้านที่ผนังห้องน้ำ เห็นหลอดไฟปรากฎบนบ้าน จึงอยากรู้ว่าในหลอดไฟนั้นจะมีองค์อยู่หรือไม่ เมื่อขยายภาพเข้าไปดูจึงพบว่ามีองค์อยู่ 3 องค์กำลังทำอะไรสักอย่างอยู่ จึงได้ถามพระแม่กวนอิม พระแม่บอกว่าทั้ง 3 องค์เป็นเทวดา และกำลังทำเงินอยู่

 

 



ภาพองค์เทวดาทั้ง 3 กำลังทำเงินปรากฎในภาพถ่ายบ้านที่ผนังห้องน้ำตรงหลอดไฟบนผนัง ภาพด้านซ้ายมือเป็นภาพถ่ายจากมือถือ ภาพด้านขวาภาพวาดจำลองและแต่งภาพด้วย Photoshop

 

เทพเจ้ากวนอูเป็นปางหนึ่งของ องค์เง็กเซียนฮ่องเต้

 

วันพุธที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2556

                วันนี้ได้ขออนุญาตถามพระแม่กวนอิม เกี่ยวกับองค์เง็กเซียนฮ่องเต้นั้น จริง ๆ ท่านเป็นใคร บ้างก็ว่าองค์เทพเจ้ากวนอูปัจจุบันเป็นองค์เง็กเซียนฮ่องเต้ ซึ่งจากการที่ได้ถามพระแม่แล้ว  พระแม่ชี้แจ้ง องค์เทพเจ้ากวนอูเป็นเพียงปางหนึ่งขององค์เง็กเซียนฮ่องเต้เท่านั้น (เพราะจากนิมิตที่พระองค์มาโปรดให้เห็นนั้น รูปร่างพระองค์สูงปานกลาง เพรียวบาง แข็งแรงแต่ไม่ได้กำยำ แตกต่างจากเทพเจ้ากวนอู) 

 

พระนามองค์เง็กเซียนฮ่องเต้ปัจจุบัน    “กวนเซ่งตี้กุน”

 

วันพฤหัสบดีที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2556

                วันนี้ได้ขออนุญาตถามพระแม่กวนอิม เกี่ยวกับพระนามขององค์เง็กเซียนฮ่องเต้ ซึ่งในปัจจุบันนี้พระองค์นั้นมีพระนามว่า “กวนเซ่งตี้กุน” ใช่หรือไม่ พระแม่บอกว่าใช่  ทั้งนี้พระแม่ได้ชี้แจ้งเพิ่มเติมองค์เง็กเซียนฮ่องเต้แต่ละสมัยดังนี้

 

ยุคสมัยขององค์เง็กเซียนฮ่องเต้แต่ละสมัย

สมัยที่1 หยกอ๋องไต่เทียนจุน เอี่ยนเอี่ยนโกส่งเต่ พระนามว่า อึ้งเหล่า

สมัยที่2 หยกอ๋องไต่เทียนจุน เอี่ยนหงวนโกส่งเต่ พระนามว่า จีมุ้ยเต้กุน

สมัยที่3 หยกอ๋องไต่เทียนจุน เอี่ยนเบ๋งโกส่งเต่ พระนามว่า ไต้ฮ้วงก่า ฮ่วยเสี่ยจู้

สมัยที่4 หยกอ๋องไต่เทียนจุน เอี่ยนเต็งโกส่งเต่ พระนามว่า ฮ้งกึง   เหล่าโจ้ว

สมัยที่5 หยกอ๋องไต่เทียนจุน เอี่ยนห่องโกส่งเต่ พระนามว่า แชฮ่วยเต้กุน

สมัยที่6 หยกอ๋องไต่เทียนจุน เอี่ยนกินโกส่งเต่ พระนามว่า 玉皇大天尊 玄巾高上帝

สมัยที่7 หยกอ๋องไต่เทียนจุน เอียนลี้โกส่งเต่ พระนามว่า ก่องฮั้วเซ่งจู้

สมัยที่8 หยกอ๋องไต่เทียนจุน เอี่ยนเทียนโกส่งเต่ พระนามว่า ไต่ล้อจ้อซู

สมัยที่9 หยกอ๋องไต่เทียนจุน เอี่ยนอุ๊นโกส่งเต้ พระนามว่า เจียงอิด เทียนซู

สมัยที่10 หยกอ๋องไต่เทียนจุน เอี่ยนหัวโกส่งเต่ พระนามว่า เอี่ยงเอี๋ยง จ้อซู

สมัยที่11 หยกอ๋องไต่เทียนจุน เอี่ยนอิมโกส่งเต่ พระนามว่า ปักฮั้วตี้กุน

สมัยที่12 หยกอ๋องไต่เทียนจุน เอี่ยนเอี๊ยงโกส่งเต่ พระนามว่า กงโต่ว    จินอ๋อง

สมัยที่13 หยกอ๋องไต่เทียนจุน เอี่ยนเจี่ยโกส่งเต่ พระนามว่า โต่วฮั่ว เทียนจุน

สมัยที่14 หยกอ๋องไต่เทียนจุน เอี่ยนขี่เกาส่งเต่ พระนามว่า หกม่อเซ่จุน

สมัยที่15 หยกอ๋องไต่เทียนจุน เอี่ยนจุ้นโกส่งเต่ พระนามว่า หิ้นยู่เทียนจุน

สมัยที่16 หยกอ๋องไต่เทียนจุน เอี่ยนเชียงโกาส่งเต่ พระนามว่า กิ่วเซ่เทียนอ๋อง

สมัยที่17 หยกอ๋องไต่เทียนจุน เอี่ยนเกวียงโกส่งเต่ พระนามว่า เมี้ยหลกก๊กอ๋อง

สมัยที่18 หยกอ๋องไต่เทียนจุน เอี่ยนเหลียงโกส่งเต่ พระนามว่า กวนเซ่ง ตี้กุน



                ชุดใหม่ของหลวงปู่โต หลวงปู่มั่นและพระแม่กวนอิม

 

วันศุกร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2556

   วันนี้ลูกบอกว่าชุดที่หม่าม๊าเย็บให้หลวงพ่อโสธร ตอนนี้ที่ร้านหม่าม๊าอากาศเย็น ให้ใส่ชุดให้หลวงพ่อด้วย  พอข้าพเจ้าใส่ให้หลวงพ่อแล้ว ลูกบอกอีกว่า หลวงปู่โต หลวงปู่มั่น พระแม่กวนอิม เห็นแล้วอยากใส่ด้วย  เพราะตอนกลางคืนเย็นมาก  ข้าพเจ้าจึงเย็บชุดให้พระองค์และใส่ให้พระองค์ตอนกลางคืนเวลาที่ปิดร้าน ลูกบอกว่าหลวงพ่อบอกว่าอุ่นสบายดีจัง

 

 


ภาพชุดที่ใส่ให้หลวงพ่อและพระแม่ที่ร้านตอนกลางคืนเวลาปิดร้าน

 

                นิมิตบ้านใหม่ที่ถ่ายติดผนัง  และนิมิตถึงองค์หลวงปู่มั่น

 

วันเสาร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2556

วันนี้มาร้านเปิดกิจการตามปกติ วันนี้มีลูกค้ามาซื้อครีมทั้งลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ บ่ายวันนี้ราว 14.30 น. ลูกไปนอนกับอาแจ้ที่ร้านอี๊เกียง อาม่าก็นอนหลับพักผ่อนที่ร้านข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจัดให้องค์ชายองค์หญิงนอนกลางวันตามปกติ ข้าพเจ้านั่งเปิดพระไตรปิฎกอ่านเล่มที่ 1 เมื่ออ่านสักพักระลึกได้ว่าเมื่อคืนนี้ไม่ได้นั่งทำสมาธิ จึงคิดว่านั่งทำสมาธิที่ร้านสักพัก  เมื่อทำไปราวครึ่งชั่วโมงเศษ ก็ได้มีภาพนิมิตบ้านใหม่ที่ถ่ายบนผนังในบ้าน ปรากฎภาพอย่างชัดเจน พร้อมทั้งให้เห็นภาพเกือบทั้งหลัง  และเมื่อภาพบ้านหายไป สักครู่ ก็ปรากฎภาพองค์หลวงปู่มั่น ซึ่งดวงหน้าของพระองค์นั้นอิ่มเอิบ มีบารมี มีรัศมีเจิดจรัส สวมจีวรตามปกติของพระสงฆ์ ใบหน้าท่านนั้นยิ้มแย้มและอบอุ่น สักพักภาพก็เลือนหายไป ข้าพเจ้านั่งจนกระทั่ง 15.30 น. จึงได้ออกจากสมาธิ


และข้าพเจ้าก็ได้ถามลูกว่า ลูกเห็นศาลพระภูมิฝั่งตรงข้ามหม่าม๊า เป็นร้าน carcare หรือไม่    ลูกเคยได้เห็นองค์ท่านหรือไม่ ลูกบอกว่าเคย ข้าพเจ้าถามต่อว่าท่านใจดีไหม ได้คุยอะไรกับลูกบ้างไหม ลูกบอกว่าใจดี 

วันนี้องค์ท่านคุยกับลูก บอกลูกว่า “ตอนนี้ลูกเห็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกองค์ อีกหน่อยหม่าม๊าก็จะเห็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกองค์เหมือนกัน”   ข้าพเจ้าจึงได้เข้ามาถามพระแม่ว่า องค์ท่านที่อยู่ฝั่งร้าน carcare นั้นท่านเป็นองค์ใด  พระแม่บอกว่า เป็นองค์เจ้าที่นั่นเอง (เดิมทีข้าพเจ้านึกเอาเองว่าคงเป็นพระพรหม แต่พระแม่บอกว่าไม่ใช่)  

 

ภาพบ้านที่เห็นในนิมิตสมาธิบ่ายวันนี้เป็นภาพเดียวกันกับที่เห็นเทวดากำลังทำเงินอยู่นั่นเอง เป็นภาพถ่ายผนังในห้องน้ำที่บ้าน

 

 

 


ภาพองค์หลวงปู่มั่นในนิมิตสมาธิบ่ายวันนี้

องค์ท่านดวงหน้าอิ่มเอิมผ่องใส

 

                นิมิตองค์ฮก ลก ซิ่ว

 

วันเสาร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2556

ค่ำวันนี้ ข้าพเจ้าได้เริ่มนั่งทำสมาธิ ขณะที่นั่งได้สักพักก็ได้ปรากฎองค์ในนิมิต 3 องค์ แต่ละองค์อายุราว 50-60 ปีขึ้นไป เป็นผู้สูงอายุ วัยคล้ายกับเล่าปี่ในสามก๊ก แต่งตัวดังขุนนางชั้นสูงในสมัยอดีตกาล ใบหน้าท่านผ่องใส มีรัศมีเจิดจรัส ท่านปรากฎให้เห็นทีละองค์ จนครบทั้ง 3 องค์ด้วยดวงหน้าที่ยิ้มแย้ม ใจดี  สักพักภาพก็หายไป ข้าพเจ้านั่งทำสมาธิราว ครึ่งชั่วโมงเศษจึงออกจากสมาธิ และเข้านอน 

รุ่งขึ้นข้าพเจ้าได้ถามพระแม่ถึงเมื่อคืนนั่งทำสมาธิได้ปรากฎองค์ให้นิมิต พระแม่ชี้แจ้งว่า เป็นองค์ฮก ลก ซิ่ว

 

ภาพองค์ฮกลกซิ่ว ปรากฎในนิมิตสมาธิภาวนาขณะอยู่โรงพยาบาล ภาพค่อย ๆ ปรากฏทีละองค์


นิมิตองค์พระศากยมุนีสัมมาสัมพุทธเจ้า

 

วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556

วันนี้ที่หมู่บ้านมีการทำบุญบ้านประจำปีพอดี ไม่ได้มีโอกาสไปร่วมงานแต่ก็ได้พาลูกไปร่วมทานอาหารกลางวัน และได้กราบไหว้องค์พระพุทธเจ้าก่อนกลับเข้าบ้าน

ค่ำวันนี้นั่งเผามัน ดื่มน้ำชาร่วมกันตามปกติ ก่อนจะเข้านอน ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังหลับตา ก็ได้ปรากฎภาพนิมิตเป็นภาพพระพุทธองค์ให้เห็นชั่วขณะ  เมื่อตื่นมาไม่แน่ใจว่าที่เห็นในนิมิตเป็นองค์ใด จึงได้ถามพระแม่  พระแม่บอกว่าเป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นเอง

 

 


ภาพองค์พระศากยมุนีสัมมาสัมพุทธเจ้าปรากฏในนิมิตขณะหลับตา

 

                นิมิตจำนวนเทวดาที่อยู่กับข้าพเจ้า

 

วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556

ภายหลังจากเกิดนิมิตเห็นองค์พระสัมมาพุทธเจ้า สักครู่แล้วจึงได้นอนหลับไป ประมาณราวตี 3  ก็ได้ยินเสียงเรียกขององค์หญิงว่า “หม่าม๊า มาธิหน่อย”  “หม่าม๊า…..มาธิ”  เรียกประมาณ 5-7 ครั้งได้ จนกระทั่งข้าพเจ้าตื่นขึ้นมานั่งทำสมาธิ เมื่อทำไปสักพักได้เกิดภาพนิมิตว่าได้เข้าไปในตึกใหญ่หลังหนึ่งมีผู้คนจำนวนมากมายแต่งกายสีนักบวชออกเทา ๆ โกนผมเหมือนพระ  จำนวนประมาณร้อยรูปเห็นจะได้

 

 


ภาพนิมิตเทวดาสวมชุดนักบวชสีเทามากมายขณะทำสมาธิภาวนา

สักครู่ก็ปรากฎเป็นภาพนิมิตว่า ได้ออกไปเรือนข้างนอกได้พบผู้คนมากมายแต่งกายสีเหลืองอร่ามมากมายเกินจะนับได้ เสมือนภาพที่ประชาชนร่วมกันถวายพระองค์ในหลวง(ร.9) ในวันที่ 5 ธันวาคมดังที่ปรากฎในสื่อต่าง ๆ ฉันนั้น   รุ่งเช้าจึงได้ถามพระแม่ ภาพที่ได้นิมิตเมื่อคืนนี้ พระแม่ชี้แจ้ง และได้รู้ว่า ผู้คนที่เห็นนั้นล้วนแล้วแต่เป็นเทวดาทั้งสิ้น พระแม่ต้องการให้ข้าพเจ้าได้รู้ว่า ณ เวลานี้ มีองค์เทวดาอยู่กับข้าพเจ้ามากมาย ยากที่จะนับจำนวนได้

 

 


ภาพนิมิตเทวดาแต่งการเหลืองอร่ามจำนวนไม่อาจนับได้ขณะปฏิบัติสมาธิภาวนา

 

นิมิตทางไปโรงงานทำเงินบนสวรรค์ของหลวงพ่อโสธร

               

วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556

ในค่ำคืนเดียวกันนี้ ขณะที่นิมิตเห็นองค์เทวดามากมาย สักพักก็ได้เห็นสวรรค์ บนสวรรค์นั้นมีก้อนเมฆ มีสะพานเดินข้ามอยู่ระหว่างก้อนเมฆ หลังจากนั้นจะพบ สายรุ้ง  เมื่อมองผ่านสายรุ้งเข้าไป จะพบวังสมัยอดีตกาลปรากฎหลังใหญ่  และเห็นภาพวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม สักพักภาพจึงเลือนหายไป     รุ่งเช้า จึงได้ถามพระแม่ พระแม่ชี้แจ้ง นิมิตที่เห็นนี้เป็นสถานที่ซึ่งหลวงพ่อโสธรพระองค์ท่านทรงเดินทางไปทำเงินที่โรงงานบนสวรรค์นั่นเอง (เหมือนกับที่ลูกเคยบอกข้าพเจ้าไว้ก่อนหน้านี้)

 

 


ภาพตัวอย่างนิมิตสถานที่โรงงานที่หลวงพ่อโสธรใช้ทำเงินปรากฏขณะปฎิบัติสมาธิภาวนา


                จำนวนปางที่ข้าพเจ้าแยกร่างลงมาจุติ ในภพนี้

 

วันจันทร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2556

เช้าวันนี้ ข้าพเจ้าได้ถามพระแม่เกี่ยวกับตัวของข้าพเจ้าเอง ว่าข้าพเจ้าลงมาเกิดเบื้องล่างนี้ข้าพเจ้าลงมาแค่ร่างเดียวใช่หรือไม่  พระแม่ชี้แจ้ง ข้าพเจ้าลงมาเกิดหลายร่าง ทั้งร่างสตรีเพศ และ   บุรุษเพศ ซึ่งร่างที่ลงมาเกิดนี้มีจำนวน 87  ปาง  ซึ่งข้าพเจ้าจะระลึกได้ว่าปางใดเป็นปางแยกของข้าพเจ้าที่ลงมาจุติในภพนี้

และข้าพเจ้าได้ถามพระแม่ต่อในส่วนของลูกนั้น พระแม่ชี้แจ้ง ลงมาเกิดเพียง      ปางเดียว ที่ครอบครัวนี้ครอบครัวเดียวเท่านั้น และองค์ชายองค์หญิงก็ลงมาประทับอยู่ที่ครอบครัวนี้ครอบครัวเดียวเช่นกัน และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ที่เป็นปางหลักก็เช่นกัน เปรียบดั่งปางข้าพเจ้านี้เป็นศูนย์กลางในการปฏิบัติภารกิจบางผย่าง ซึ่งขณะนี้ทุกพระองค์กำลังช่วยเหลือข้าพเจ้าให้ปฏิบัติภารกิจได้สำเร็จ


 

                ความหมายที่แท้จริงของภาพนิมิตพระแม่ส่งน้องสาวลงมาบนโลกมนุษย์

 

วันจันทร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2556

ขณะที่บันทึกเรื่องราว ก็ให้ระลึกถึงนิมิตครั้งแรก ที่พระแม่กวนอิมบอกให้ลงมาช่วยเหลือคนบนโลกมนุษย์ และได้ส่งให้เข้าไปช่วยเหลือองค์ราชินีองค์หนึ่งในวัง กระทั่งช่วยเสร็จแล้วจึงได้คิดออกมาช่วยเหลือคนภายนอก ถึงตอนนี้ ข้าพเจ้าได้ถามพระแม่กวนอิมว่าในรายละเอียดอีกครั้ง ซึ่งพระแม่ชี้แจ้ง นิมิตครั้งนั้นพระองค์ทรงหมายความว่า ในอนาคตข้างหน้า จะต้องได้ช่วยเหลือคนมากมาย จนข้าพเจ้าเพิ่งจะเข้าใจความหมายของภาพนิมิตในครั้งนั้นอย่างถ่องแท้ก็เวลานี้เอง  แต่แล้วจะเข้าไปช่วยยังไง    ถึงตอนนั้นพระแม่คงทรงกำหนดไว้แล้ว และคงจะให้ข้าพเจ้าได้รู้ในภายหลังจากนี้

 

 


ภาพนิมิตครั้งแรก ที่พระแม่กวนอิมบอกว่า “ถึงเวลาที่เจ้าจะต้องลงไปช่วยเหลือคนบนโลกมนุษย์แล้ว” ชุดน้ำเงินคือน้องสาวบุญธรรมพระแม่กวนอิม


 

 

นิมิตถึงพระพรหม

 

วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2556

กลางดึกของวันนี้ราวตี 3 ข้าพเจ้ารู้สึกอยู่ดี ๆ ก็ตัวชาไปทั้งตัว พยายามขยับเท้าอย่างไรก็ไม่หาย อาการชากลับหนักยิ่งขึ้น จึงระลึกขึ้นมาได้ว่า องค์ท่านต้องการให้ข้าพเจ้าขึ้นมานั่งทำสมาธิ

ขณะที่นั่งทำสมาธิภาวนาได้สักครู่ ก็ได้มีภาพนิมิตปรากฎองค์คล้ายองค์พระพุทธรูปแต่มีพระเศียรหลายเศียรมาก  ขณะนั้นยังไม่แน่ใจว่าองค์ท่านจะเป็นองค์พระศิวะหรือองค์พระพรหม รุ่งเช้าจึงได้ถามพระแม่ พระแม่ชี้แจ้งองค์ท่านเป็นองค์พระพรหม  การที่ข้าพเจ้าได้นิมิตถึงองค์พระศิวะ และองค์พระพรหมนั้น ทรงหมายความว่า ขณะนี้องค์พระศิวะ และองค์พระพรหมได้มาอยู่กับข้าพเจ้าแล้ว

 

 

 


 

นิมิตพระพุทธองค์สมัยอดีตกาลขณะปฐมเทศนาเหล่าสาวกในป่า อิสิปตน มฤคทายวัน

 

วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2556

ภายหลังจากการทำสมาธิภาวนาในเวลาเดียวกันนี้ ต่อมาได้ปรากฎภาพนิมิตถึงองค์พระศากยมุนีสัมมาสัมพุทธเจ้า ครั้งสมัยพระองค์ยังทรงพระชนม์ชีพอยู่ในอดีตกาล พระองค์ได้ทรงปฐมเทศนาธรรมแก่เหล่าสาวก ซึ่งมีประมาณ 10 รูปเห็นจะได้ พระองค์นั่งอยู่บนอาสน์ใต้ต้นโพธิ์ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน    

 

 


ภาพตัวอย่างนิมิตองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอดีตกาลทรงปฐมเทศนาธรรมแก่เหล่าสาวก ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน 

 

นิมิตถึงองค์ซิ่ว ครั้งที่ 2

 

วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2556

ภายหลังจากที่ได้นิมิตถึง องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอดีตกาลนั้น สักครู่ได้ปรากฎอีกองค์ ท่านอายุสูงวัย สวมชุดสีเทา ถือไม้เท้า หนวดเคราสีขาวยาวสวยงาม ไม่มีผม  องค์ท่านมาปรากฎองค์ในลักษณะของคนในอดีตกาลจริง ๆ และด้วยดวงหน้าที่ยิ้มแย้มพร้อมทั้งผงกศรีษะหลาย ๆ ครั้งให้เห็นในนิมิตนานเกือบครึ่งนาทีเห็นจะได้ ขณะนั้นข้าพเจ้าไม่แน่ใจว่า จะเป็นองค์เหล่าแปะหย่ากง หรือองค์ซิ่ว รุ่งเช้ามาจึงได้ถามแม่  พระองค์ชี้แจ้งคือองค์ซิ่ว 

พระแม่ได้ชี้แจ้ง การที่ข้าพเจ้าได้นิมิตถึงองค์ฮก ลก ซิ่ว ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เสมือนหนึ่งท่านกำลังเอ็นดูเด็ก  นั่นหมายความว่า องค์ท่านมีความยินดีปรีดาในสิ่งที่ข้าพเจ้าปฏิบัติอยู่และปรีดาในสิ่งที่ข้าพเจ้าจะมีในวันข้างหน้า

 

 


ภาพนิมิตองค์ซิ่วขณะปฏิบัติสมาธิภาวนา องค์ท่านยิ้มแย้มพร้อมผงกศรีษะหลายครั้งดังเช่นผู้ใหญ่ที่รักใคร่เอ็นดูเด็ก ประมาณท่านจะบอกว่า ทำดีแล้ว ยินดีด้วยกระนั้น


 

องค์พระสังกัจจายน์พระศาสดาองค์ต่อไปในอนาคตกาล

 

วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2556

บ่ายวันนี้ขณะที่ข้าพเจ้านั่งอ่านพระไตรปิฎกอยู่นั้น ก็ให้ระลึกได้ว่าปัจจุบันผู้คนมากมายได้กล่าวว่า องค์พระศาสดาองค์ต่อไปคือพระศรีอริยเมตตรัย  ข้าพเจ้าจึงได้ขออนุญาตถามพระแม่ในส่วนขององค์พระสังกัจจายน์ ซึ่งพระองค์ท่านอนุญาต และได้ชี้แจ้ง องค์พระสังกัจจายน์ และองค์พระศรีอริยเมตตรัยนั้นคือองค์เดียวกัน ซึ่งในปัจจุบันนี้ พระองค์ท่านยังไม่ได้ลงมาจุติบนโลกมนุษย์ ในเวลานี้พระสังกัจจายน์ช่วยทำเงินอยู่

 

เป็นจริงดั่งพุทธทำนาย

 

วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2556

บ่ายวันเดียวกันนี้ ข้าพเจ้าได้ถามพระแม่เพิ่มเติมในส่วนของภัยพิบัติครั้งใหญ่ ข้าพเจ้าพิจารณาได้ว่า จะมีการเกิดเหตุเภทภัยอย่างใหญ่หลวงอันเนื่องจากเภทภัยธรรมชาติและจากมนุษย์เป็นผู้ก่อให้เกิดเหตุในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่งพระแม่ชี้แจ้ง จะเกิดจริงแท้แน่นอน และเมื่อถึงเวลานั้น

 

 

นิมิตถึงหลวงปู่มั่นอีกครั้ง

 

วันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2556

เช้ามืดวันนี้ข้าพเจ้ายังคงตื่นขึ้นมานั่งทำสมาธิ สวดมนต์คาถาชินบัญชรในใจ จบแล้วจิตจึงนิ่งสักครู่ ก็มีภาพนิมิตของหลวงปู่มั่นให้เห็นอีกครั้ง

 

 ภาพนิมิตสมาธิภาวนาองค์

หลวงปู่มั่นอีกครั้ง

 

นิมิตถึง องค์พระพิฆเนศ

 

วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2556

กลางดึกวันนี้ข้าพเจ้ารู้สึกตัวชาไปทั้งตัว  ตัวชาในที่นี้ลักษณะเหมือนกับกล้ามเนื้ออ่อนแรงไปทั้งตัวกระทั่งหัวใจสั่น และไม่สามารถนอนหลับต่อได้ จึงได้ขึ้นมานั่งทำสมาธิ ครั้นจะนั่งก็นั่งไม่ได้เพราะตัวชาค่ำคืนนี้รู้สึกทรมานมาก เหมือนร่างกายจะแหลกเสียให้ได้  แต่ก็ยังพยายามข่มตาทำจิตให้นิ่ง ขณะที่ข่มตาอยู่นั้น ก็ได้พยายามนวดแขนและขาไปพลาง และก็ได้บังเกิดภาพนิมิต ซึ่งในขณะนั้นข้าพเจ้าแน่ใจว่าคงเป็นองค์พระพิฆเนศอย่างแน่นอน

 

 


ภาพนิมิตสมาธิภาวนาองค์พระพิฆเนศ

 

นิมิตถึง องค์จี้กง

 

วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2556

เมื่อได้บังเกิดภาพนิมิต องค์พระพิฆเนศแล้ว จึงได้ปรากฎอีกองค์ ซึ่งไม่แน่ใจว่า จะใช่องค์จี้กงหรือไม่

ต่อเมื่อรุ่งเช้าจึงได้ถามพระแม่ พระแม่ชี้แจ้งเพิ่มเติมว่า “เมื่อคืนขณะที่ข้าพเจ้าหลับตาทำสมาธิได้ปรากฎองค์คือองค์จี้กง”

 

 ภาพนิมิตสมาธิภาวนาองค์จี้กง



นิมิตถึง องค์เทพเจ้ากวนอู

 

วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2556

เมื่อได้บังเกิดภาพนิมิต องค์จี้กงแล้ว ต่อมา จึงได้ปรากฎอีกองค์ นั่นคือองค์เทพเจ้ากวนอูนั่นเอง

 

 


ภาพนิมิตสมาธิภาวนาองค์เทพเจ้ากวนอู

 

 

นิมิตถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอดีตกาลขณะเทศนาธรรมปัญจวคีย์ทั้งห้าในอดีตกาล อีกครั้ง ณ ป่าอีสิปตนมฤคทายวัน

 

วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2556

เมื่อได้บังเกิดภาพนิมิต องค์เทพเจ้ากวนอูแล้ว ต่อมา จึงได้ปรากฎองค์ พระศากยมุนีสัมมา สัมพุทธเจ้าเมื่อครั้งอดีตกาล พระองค์ท่านกำลังเทศนาธรรมเหล่าปัญจวคีย์ทั้งห้า ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน

 


ภาพนิมิตสมาธิภาวนาองค์พระพุทธเจ้าในอดีตกาลพร้อมปัญจวคีย์ทั้งห้า

ขณะที่นั่งทำสมาธิภาวนาอยู่นั้น  จิตได้ไตร่ตรองการที่แต่ละองค์ทรงมาโปรดในนิมิตนั้นย่อมมีความหมายอยู่ ซึ่งแต่ละองค์ท่านต้องการบอกสิ่งใดเป็นแน่แท้ สักครู่เมื่อได้กระจ่างในนิมิตแต่ละองค์แล้วจึงได้ออกจากสมาธิภาวนาแล้วถามพระแม่เพิ่มเติม และพระแม่ได้ชี้แจ้งดังนี้

“การที่มีนิมิตถึงองค์พระพิฆเนศนั้น ทรงหมายความว่า ขณะนี้องค์ท่านได้มาอยู่กับข้าพเจ้าและกับพระพุทธองค์ และในอนาคตองค์ท่านจะช่วยให้กิจการของข้าพเจ้ามีความรุ่งเรือง “

และ “การที่ได้นิมิตถึงองค์จี้กง ทรงหมายความว่า ขณะนี้องค์จี้กง ท่านกำลังรักษาอาการเจ็บป่วยของข้าพเจ้าที่เป็นอยู่ในเวลานี้ให้หาย ได้“ 

ซึ่งในเวลานี้ ข้าพเจ้าเป็นโรคข้ออักเสบเรื้อรัง ไม่สามารถหาเชื้อไว้รัสได้ว่าเกิดจากสาเหตุใด เป็นมาตั้งแต่ตั้งครรภ์บุตรสาวได้เพียง 5 เดือน เป็นลักษณะร่างกายแพ้ภูมิตนเอง เมื่อมีเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย เม็ดเลือดขาวจะทำลายกระดูกข้อต่อทุกส่วนของร่างกาย ทำให้เกิดการเจ็บปวดแทบจะไม่สามารถขยับร่างกายได้ ดังนั้น ทุกวันนี้ข้าพเจ้าจึงต้องรักษาโดยการทานยากดภูมิคุ้มกัน และบำรุงเลือดพร้อมทั้งติดตามผลข้างเคียงของยาตลอดเวลาที่ผ่านมาจวบจนทุกวันนี้ นั่นเป็นสาเหตุที่ข้าพเจ้าไม่สามารถอุ้มบุตรได้เลย ตั้งแต่บุตรเกิดจนถึงทุกวันนี้ ได้แต่พยายามอุ้มเป็นบางครั้งแต่ก็อุ้มได้ไม่นานนัก เพราะเกรงโรคจะกำเริบหนัก

และ “การที่ได้นิมิตถึงองค์เทพเจ้ากวนอู ทรงหมายความว่า ขณะนี้องค์ท่านกำลังปกป้อง ดูแลข้าพเจ้าอยู่” 


 

อนาคตพระแม่ให้ดวงตาทิพย์แก่ข้าพเจ้าเพื่อจะได้เห็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์

 

วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2556

เวลา 16.38 น. ข้าพเจ้าและอาม่าได้ถามพระแม่ว่าเกี่ยวกับดวงตาทิพย์ของข้าพเจ้า พระแม่    ชี้แจ้ง พระแม่จะให้ดวงตาทิพย์และให้เห็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ได้


 

 


ภาพวาดต้นฉบับที่ไม่ได้มีการปรับแต่งในโปรแกรมแต่งภาพ

 

 

พระนครแห่งใหม่ในอนาคต

 

วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2556

                เวลา 5.58 น. ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังนั่งสมาธิอยู่นั้น จิตได้ระลึกถึงช่วงเวลาที่จะเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติครั้งใหญ่ ได้รู้แน่ชัดว่า กรุงเทพฯในปัจจุบัน พระนครจะไม่สามารถอยู่ได้ และจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างแน่นอน กรุงเทพฯจะพังทลาย แผ่นดินจะยุบ คลื่นน้ำพัดเข้าถล่มสูง 200 เมตรเป็นจริงแน่แท้ เมื่อจิตไตร่ตรองได้ดังนี้แล้ว จึงได้ถามพระแม่ และพระแม่ได้ทรงชี้แจ้งว่า  “ในอนาคต เมืองหลวง พระนครจะมีการสร้างขึ้นใหม่ที่ใหม่แทน”

 

นิมิตถึงพระพุทธองค์ประทับในวิหาร

 

วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2556

                เวลาประมาณ ตี 3 กว่าเห็นจะได้ คืนนี้องค์หญิงเรียกข้าพเจ้าให้ตื่นขึ้นมาทำสมาธิอยู่ 2-3 ครั้ง หากแต่ข้าพเจ้ารู้สึกง่วงมาก ลืมตาไม่ขึ้น จิตคิดจะขอหลับต่อ สักพักก็เกิดอาการขาชา ตัวเริ่มชาเหมือนร่างกายจะแตกเป็น เสี่ยง ๆ จึงได้รู้ว่าพระองค์ให้ตื่นมานั่งทำสมาธิแล้ว ขณะที่กำลังจะนั่งทำสมาธิ บุตรสาวก็นอนดิ้นเหลือเกิน เอาเท้าไปเตะอากงซึ่งนอนอยู่ข้าง ๆ ตลอด ทำให้อากงไม่ได้หลับ ข้าพเจ้าจึงต้องลืมตามาจัดท่านอนให้บุตรสาวตลอด เมื่อเป็นแบบนี้บ่อยครั้ง สุดท้ายจนรู้สึกว่าคงไม่สามารถนั่งทำสมาธิได้ จึงได้อธิษฐานในจิตขอพระองค์ว่า คืนนี้ลูกขออนุญาตนอนทำสมาธินะคะ เพราะต้องนอนป้องกันบุตรไม่ให้ไปถูกอากง  เสร็จแล้วจึงได้นอนหลับตา จิตท่องพุทธ โธ และ นำโม โอมแปะหมี่ฮง สักพักพอจิตนิ่งแล้ว จึงได้ปรากฎภาพนิมิตพระวิหารที่โอ่อ่า สีทองอร่าม สวยงามมาก อีกทั้งได้ปรากฎองค์พระพุทธชินราช องค์ใหญ่ อยู่เบื้องหน้าพระวิหารนั้น  สักครู่นิมิตจึงหายไป

รุ่งเช้าจึงได้ถามพระแม่ว่า พระแม่ทรงชี้แจ้งว่า “นิมิตดังกล่าวนั้น พระองค์ทรงต้องการให้ทราบว่า เบื้องหน้าสืบไป ปวงประชาราษฎ์จะหันมาศรัทธาในพระพุทธองค์ และอยู่อย่างร่มเย็นสืบไป”

 

 


ภาพนิมิตสมาธิภาวนา พระพุทธชินราชปรากฏเบื้องหน้าพระวิหาร

 

นิมิตเทวดา ณ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

 

วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2556

ภายหลังจากนิมิตพระพุทธองค์หายไปแล้ว ก็ได้ปรากฎนิมิตต่อมา ได้เห็นถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และรอบ ๆ อนุสาวรีย์นี้มีผู้คนสวมชุดสีเหลืองมากมาย ดังเช่นครั้งหนึ่งที่เคยได้นิมิตมาแล้ว    แต่ครั้งนี้มากกว่าครั้งที่แล้วอีกประมาณเท่าตัวเห็นจะได้   สักครู่นิมิตดังกล่าวจึงหายไป

รุ่งเช้าเมื่อได้พิจารณานิมิตดังกล่าวแล้ว จึงได้ถามพระแม่ต่อ พระแม่จึงชี้แจ้งว่า “นิมิตที่เห็นผู้คนมากมายที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมินั้น คือเหล่าเทวดาทั้งหลายที่อยู่กับข้าพเจ้า ณ เวลานี้ แม้บรรพบุรุษผู้กล้า ที่ล่วงลับไปแล้วก็ได้มาอยู่กับข้าพเจ้าและคอยช่วยเหลือข้าพเจ้าอยู่”

 

 


ภาพนิมิต เหล่าเทวดา ณ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ


 

นิมิต เห็นองค์นายหลวง ร.9 ทรงประชวรหนัก พระองค์ ไม่สามารถเดินได้

 

วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 เวลา ประมาณ 02.00-03.00

ภายหลังจากที่ได้มีนิมิตสมาธิภาวนา ถึงพระพุทธองค์ประทับที่หน้าวิหาร และนิมิตถึงเหล่าเทวดา และบรรพบุรุษผู้กล้าในอดีต ณ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิแล้ว ข้าพเจ้าได้ออกจากสมาธิชั่วขณะเพื่อห่มผ้าให้บุตรสาว และคิดว่านิมิตคงหมดแต่เพียงเท่านี้ จึงคิดว่าถึงเวลาควรนอนหลับพักผ่อน แต่ขณะที่กำลังจะนอนหลับ ก็ได้มีภาพปรากฎขึ้นให้เห็น พร้อมทั้งอาการชาที่ขาก็เริ่มปรากฎอีกครั้งแสดงว่า    พระพุทธองค์ยังทรงมีนิมิตให้ข้าพเจ้าได้รู้อีก ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงนอนอธิษฐานจิตอีกครั้ง จิตท่อง พุทธ โธ  สักครู่ จิตจึงนิ่ง และได้ปรากฎภาพนิมิตขึ้น (เป็นการนอนทำสมาธิเหมือนเมื่อสักครู่)

นิมิตที่ปรากฎให้เห็นอย่างชัดแจ้งนั้นคือ  องค์นายหลวงปัจจุบันทรงนอนประชวรหนักอยู่ และมีลูกท่านหลานเธอหลายพระองค์ ทรงเฝ้าพระอาการอยู่ด้วยความโศกเศร้ายิ่งนัก นิมิตนี้ทำให้ข้าพเจ้าเห็นว่า องค์นายหลวงทรงประชวรหนักจนไม่สามารถจะลุกเดินได้อีก  สักครู่ภาพนิมิตดังกล่าวจึงหายไป พร้อมกับอาการชาที่ขาและตัวของข้าพเจ้าก็หายไปด้วย 

ภายหลังจากออกจากสมาธิ ข้าพเจ้าก็ได้นั่งคิดทบทวนถึงนิมิตที่ปรากฎตั้งแต่ต้น โดยเฉพาะนิมิตขององค์นายหลวงกำลังประชวรหนัก ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกเศร้าใจมาก เพราะได้เห็นและรับรู้ถึงบรรยากาศ ความรู้สึกภายในเหตุการณ์ ณ ขณะนั้น จึงทำให้ไม่สามารถข่มตาหลับต่อไปได้ จิตได้แต่คิดพิจารณาตรึกตรองถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจวบจนเกือบรุ่งเช้า

รุ่งเช้าของวันเดียวกันนี้ เวลา 7.45 น. ข้าพเจ้าได้ตื่นมาและรีบถามพระแม่กวนอิม และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ถึงนิมิตที่ปรากฎในเช้ามืดที่ผ่านมา โดยพระแม่ ได้ชี้แจ้งตามลำดับดังนี้

 “นิมิตที่เห็นองค์นายหลวงทรงประชวรหนัก พระองค์ทรงนอนนิ่งไม่สามารถลุกเดินได้  และมีองค์ลูกท่านหลานเธอหลายองค์ทรงเฝ้าพระอาการอยู่ด้วยความโศกเศร้ายิ่งนักนั้น  นิมิตนั้นเป็นจริงแท้แน่นอนและ ในเวลานี้ องค์นายหลวงทรงประชวรหนัก 

เวลาประมาณ 11.50 น. ของวันเดียวกันนี้ ขณะที่ข้าพเจ้าอยู่ที่ร้าน อาม่าได้โทรมาบอกว่า นิมิตที่ข้าพเจ้าเห็นเมื่อเช้ามืดนี้ ตอนนี้ได้มีข่าวประกาศออกมาว่า “องค์นายหลวงหัวเข่าอักเสบไม่สามารถจะเดินได้อีก พระองค์ทรงงดราชกิจทุกอย่าง  “ เป็นจริงดั่งนิมิตและตามพระแม่ชี้แจ้งทุกประการ

 

 


ภาพนิมิต องค์นายหลวงประชวรหนักพระองค์ทรงนอนนิ่งไม่สามารถเดินได้

 

ความฝันกับภัยภิบัติในอนาคต

 

วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2556

เย็นวันนี้ราว 18.30 น. ใกล้เวลาปิดร้าน เวลานี้ฝนกำลังตกหนักมีลมพายุเข้า หลังจากที่ข้าพเจ้าได้บันทึกเรื่องราวต่าง ๆ แล้วจึงได้นั่งพัก และได้หยิบหนังสือการ์ตูนเรื่อง “คำสาปฟาโรห์” ขณะที่กำลังนั่งอ่านเล่มที่ 19 (ฉบับรวมเล่มใหญ่) อ่านถึงตอนที่นางเอกถูกเจ้าชายอิสมิลพาไปอยู่ในถ้ำระหว่างหุบเขา และเกิดฟายุฝนซัดกระหน่ำอย่างหนัก  ทำให้จิตระลึกถึงเมื่อปีก่อนราวเดือน กรกฎาคมถึงสิงหาคม   ช่วงที่ข้าพเจ้ากลับจากกรุงเทพฯมาเปิดร้านได้เพียงไม่กี่เดือน ข้าพเจ้าได้ฝันเกี่ยวกับ     ภัยพิบัติทางน้ำอยู่ถึง 3 ครั้ง โดยแต่ละครั้งมีรายละเอียดดังนี

ฝันครั้งแรก  ฝันว่ามีน้ำท่วมเมืองและท่วมรอบ ๆ ตัวข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้านั่งอยู่หน้าองค์พระพุทธรูป องค์ใหญ่มาก รอบ ๆ ตัวมีน้ำเต็มไปหมดแต่ข้าพเจ้าไม่ได้เปียกน้ำแต่อย่างใด และมีเฉพาะรอบ ๆ พระพุทธองค์เท่านั้นที่ไม่มีน้ำเลย สักครู่มีชายผู้หนึ่งเดินเข้ามาหาข้าพเจ้า และพาข้าพเจ้าออกไปจากน้ำแห่งนั้นอย่างปลอดภัย

ฝันครั้งที่สอง  ฝันว่า เกิดน้ำท่วมหนัก น้ำไหลเชี่ยวกรากเข้าสู่บ้านเมือง ในเวลานั้นข้าพเจ้าหลบอยู่ใต้โต๊ะ ในขณะที่น้ำไหลแรงตลอดเวลา แต่ข้าพเจ้าก็ยังปลอดภัยจนกระทั่งภัยนั้นหมดไป

ฝันครั้งที่สาม  ครั้งนี้ฝันว่า มีน้ำถล่มเข้าเมือง น้ำไหลเชี่ยวกรากรุนแรงมาก เป็นน้ำโคลนแดง ข้าพเจ้ารีบวิ่งหนีขึ้นไปที่ภูผาสูงชัน และได้มองลงมาเบื้องล่าง ซึ่งยังคงมีน้ำไหลเชี่ยวกรากอย่างรุนแรง ถาถมเข้ามาตลอดเวลา ทั้งเมืองเต็มไปด้วยน้ำเหมือนดั่งทะเลบ้าคลั่งก็ไม่ปาน มองไม่เห็นผู้คนแม้สักคนเดียว

จากความฝันที่ระลึกได้ในขณะที่อ่านการ์ตูนอยู่นั้น “จึงได้ถามพระแม่ และบอกแก่พระแม่ว่าครั้งนั้น ลูกได้ฝันถึงภัยอันเกิดจากอุทกภัยนั้น ขอพระแม่ให้ความกระจ่างชัด พระแม่ทรงชี้แจ้ง อนาคตเหตุภัยพิบัตินั้นจะเป็นดั่งที่ข้าพเจ้าฝัน หากแต่ความจริงที่จะเกิดในเบื้องหน้าจะรุนแรงยิ่งกว่าในความฝันนั้น เพราะในฝันนั้นมีเฉพาะอุทกภัยเท่านั้น ยังไม่รวม แผ่นดินไหว สึนามิ ฝนตกอย่างหนัก สารกัมมันตรังสี กาฬโรค ข้าวยากหมากแพง การเบียดเบียนของผู้คน และการปรากฎของเหล่าวิญญาณ ภูติผี ปีศาจต่าง ๆ

 

 


ภาพความฝันของข้าพเจ้าเกิดอุทกภัยครั้งแรก

ภาพความฝันครั้งที่สามของข้าพเจ้า เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่


 

พระแม่ชี้แจ้ง เหตุภัยพิบัติใหญ่หลวง 

 

วันพฤหัสบดีที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2556

เช้าวันนี้ข้าพเจ้าได้นั่งพิจารณาถึงมหาภัยพิบัติอีกครั้ง จากนั้นได้ถามพระแม่ เพื่อขอพระแม่ชี้แจ้งมหาภัยพิบัติให้กระจ่างชัดอีกครั้ง โดยเมื่อข้าพเจ้าได้ถามพระแม่แล้ว ได้ความดังนี้

เหตุภัยพิบัติครั้งใหญ่หลวงในอนาคต เหตุเกิดเพราะโลกเอียงมาทางพระอาทิตย์ส่งผลให้น้ำแข็งจากขั้วโลกละลาย นำไปสู่คลื่นยักษ์ถาโถมสู่แผ่นดิน  โดยเหตุการณ์ครั้งนี้เบื้องบนจะเอาเฉพาะผู้ที่ทำบาปกรรม ใจบาป ไปเท่านั้น หากแม้นคนเหล่านี้จะติดพระคาถาหรือยันต์ก็มิอาจช่วยให้แคล้วคลาดได้ หากเป็นคนใจบุญ อยู่ในศีลในธรรมก็จะแคล้วคลาดภัยนี้ได้ โดยเหตุภัยพิบัติที่จะเกิดมีดังนี้

1.              เมืองกรุงเทพฯจะแตกพังทลายตอนเวลาไก่ขัน แผ่นดินจะยุบตัว คลื่นน้ำจะพัดเข้าถล่มความสูง 200 เมตร และมนุษย์จะล้มตายมากกว่าครึ่ง

2.              พระอินทร์ พระพรหม และสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบนจะเปิดประตูทั้ง 3 บาน ผู้คนจะได้พบเห็นเหล่าวิญญาณ ภูติผี ปีศาจ ให้เกิดความหวาดกลัวและหันมาศัทธาต่อ      พระพุทธองค์

3.              จะเกิดพายุลมแรง

4.              จะเกิดแผ่นดินไหว

5.              เกิดอุทกภัย ฝนตกหนักเป็นเวลา 7 วัน 7 คืน ภายหลังจากเกิดภัยพิบัติแล้ว เป็นระยะชำระล้างสารพิษ

6.              เกิดสารพิษ สารกัมมันตรังสี อันเกิดจากโรงงานปฏิกรณ์นิวเคลีย์ระเบิด อันเนื่องจากแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิ

7.              จะเกิดกาฬโรคต่าง ๆ

8.              จะเกิดข้าวยากหมากแพง

9.              จะเกิดการเบียดเบียนกันเอง

เหตุการณ์เป็นที่แน่ชัด ใครก็มิอาจเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขได้

 

นิมิต เหล่าเทวดามากมายทรงปกป้องคุ้มครององค์นายหลวง ณ เวลานี้

 

วันศุกร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ค่ำคืนนี้เวลาประมาณ 2 ทุ่มเศษ ถึงเวลาที่จะต้องเตรียมให้ลูกหลานหลับนอน ก่อนนอนได้นอนคุยกับอากงและอาม่า เกี่ยวกับภัยพิบัติครั้งใหญ่ รวมถึงจิตที่ยังคงเป็นห่วงองค์นายหลวงตลอดทั้งวันที่ผ่านมา ทำให้ไม่สบายใจตลอดเวลาเมื่อคิดถึงพระองค์ทรงประชวรหนักเช่นนี้ แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ จวบจนเวลาราวตี 3 ครึ่ง ได้ตื่นขึ้นมานั่งทำสมาธิภาวนาสักครู่ จึงมีภาพนิมิตเกิดขึ้น  เป็นภาพเหล่าเทวดามากมายสวมชุดสีเทา คล้ายนักบวชที่ครั้งหนึ่งข้าพเจ้าเคยนิมิตถึง แต่ในนิมิตค่ำคืนนี้ เห็นเหล่าเทวดากำลังอุ้มชู คุ้มครองชายผู้หนึ่งนอนอยู่บนเตียง ในนิมิตนั้นข้าพเจ้าจำได้ว่า ชายที่นอนอยู่นั้นเป็นนิมิตเดียวกันกับภาพที่เห็นตอนองค์นายหลวงประชวรนั่นเอง 

รุ่งเช้าเมื่อมาถึงร้านภายหลังจากข้าพเจ้าสวดมนต์เสร็จแล้วเวลา9.00 น. ได้ถามพระแม่ พระแม่ทรงชี้แจ้งว่า “นิมิตเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา นั้น ขณะนี้เหล่าเทวดามากมายกำลังคุ้มครองปกป้ององค์นายหลวงอยู่ “

ตกค่ำเมื่อปิดร้านกลับถึงบ้าน อากงบอกว่า วันนี้ฟังข่าว  ข่าวบอกว่าองค์นายหลวงพระอาการดีขึ้น เริ่มเสวยพระกระยาหารได้แล้ว

 

 


ภาพเทวดามากมายทรงปกป้ององค์นายหลวง ณ    เวลานี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บันทึกปาฏิหาริย์ บทสวดมนต์พระแม่กวนอิม 1-23

ภาคบทสวดมนต์ พระแม่กวนอิม         บทสวดมนต์นี้ ข้าพเจ้าได้ฟังจากบทสวดและถ่ายทอดเป็นตัวหนังสือ พร้อมกำหนดเสียงสูง ต่ำ ให้สอดคล้องกับบทสวด...