วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

บันทึกปาฏิหาริย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์และนิมิตภัยพิบัติ 1-4

พระแม่ช่วยให้ ”แยกร่างได้”

 

วันเสาร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ราวตี 4 ครึ่งของวันนี้ ข้าพเจ้าลุกขึ้นมานั่งทำสมาธิตามปกติ คืนนี้อยากจะนั่งให้จิตนิ่ง ๆ จะได้รู้สึกจิตผ่อนคลาย ขณะที่จิตเริ่มผ่อนคลายสักครู่รู้สึกได้ว่าเหมือนตัวข้าพเจ้ากำลังจะออกจากร่างได้เล็กน้อย พอรู้สึกตัวร่างนั้นก็ถูกดูดกลับเข้ามาที่ร่างเดิมอีก เป็นแบบนี้ 2-3 ครั้ง   ขณะที่รู้สึกว่าร่างกำลังแยกออกจากร่างเดิมได้เล็กน้อย จะรู้สึกได้ว่าร่างที่นั่งทำสมาธิอยู่นั้นเหมือนท่อนไม้ที่ไม่มีความรู้สึกอะไรเลย   จากนั้นจึงออกจากสมาธิ และกำลังคิดจะเข้านอน ขณะเริ่มหลับตานอน จิตยังอยู่ในสมาธิ ก็ให้รู้สึกได้อีก 2 ครั้งว่ากำลังจะออกจากร่าง (เหมือนกำลังฝึกแยกร่าง)

รุ่งเช้าจึงถามพระแม่กวนอิม  พระแม่ชี้แจ้งว่าจะช่วยให้ข้าพเจ้าแยกร่างได้

และพระแม่ชี้แจ้งเพิ่ม “เมื่อข้าพเจ้านั่งทำสมาธิถึงที่พระองค์กำหนดแล้ว  พระแม่จะทำให้ข้าพเจ้ามีดวงตาทิพย์ และเห็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ได้เหมือนบุตรสาว   บุตรสาวบอกกับข้าพเจ้าว่า ในตัวของหม่าม๊ามีร่างเยอะแยะไปหมด พระแม่จะให้แยกร่างออกมาเหมือนทุก ๆ องค์ได้ “

 

ภาพกำลังจะแยกออกจากร่างหลักขณะปฏิบัติสมาธิภาวนา


 

นิมิตความฝัน “เบื้องบนเตรียมดวงตาทิพย์ให้ข้าพเจ้า”

 

วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เช้าวันนี้ข้าพเจ้าตื่นมานั่งทำสมาธิในเวลา 5.50  (ตื่นสาย ) กระทั่ง 6 โมงครึ่งจึงได้นอนหลับต่อ และได้ฝันถึงเรื่องราวบางเรื่องที่เบื้องบนกำลังตระเตรียม ณ เวลานี้  หลังจากข้าพเจ้ามาเปิดร้านเวลา 12.55 น. และได้พิจารณาถึงนิมิต จากนั้นจึงได้ถามพระแม่ พระแม่ชี้แจ้ง ถึงนิมิตดังกล่าว       ในเวลานี้ เบื้องบนต้องการให้ข้าพเจ้าได้เห็นว่า เวลานี้เบื้องบนกำลังตระเตรียมจะให้ ดวงตาทิพย์แก่ข้าพเจ้า เพื่อให้สามารถเห็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ และสามารถจะปฏิบัติภารกิจได้

 

นิมิต “ปรากฏดวงตาทิพย์บนหน้าผาก”

 

วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

2-3 วันที่ผ่านมา ข้าพเจ้ารู้สึกปวด ๆ ที่หน้าผากตรงระหว่างคิ้วตลอดเวลา เหมือนมีพลังมากมายมาอยู่จุดศูนย์รวมที่หน้าผาก  ข้าพเจ้าจึงถามบุตรสาวว่า เมื่อไหร่พระแม่กวนอิมจะให้จุดบริเวณหน้าผากหม่าม๊า  ลูกบอกว่า พระแม่กวนอิมไปหาอุปกรณ์อยู่

และเช้าวันนี้ข้าพเจ้าตื่นมานั่งทำสมาธิเวลา 5.55  (ตื่นสายอีก ) ขณะที่นั่งทำสมาธิได้ประมาณ 10 นาทีเห็นจะได้ ได้เกิดภาพนิมิต ปรากฏเป็นดวงแสงสว่างจ้า เหมือนมีพลังทั้งหมดถูกดูดมาที่กลางหน้าผาก จากนั้นได้ปรากฏดวงตาดวงใหญ่ สวยงามมาก ขนตายาว ดวงตาเบิกโต  ดวงตานั้นนัยต์ตาดูน่าเกรงขามและมีอำนาจมาก ไม่เหมือนตามนุษย์ทั่วไป สักครู่ภาพจึงหายไป

รุ่งเช้าข้าพเจ้าได้ถามพระแม่ว่า พระแม่ชี้แจ้ง “ภาพนิมิตนั้นเป็นดวงตาทิพย์ที่พระแม่ทำให้”

กระทั่งบ่ายโมงวันนี้ ข้าพเจ้าได้นั่งทำสมาธิอีกครั้ง ก็ยังคงปรากฏดวงตาที่กลางหน้าผาก และกระพริบตา 2-3 ครั้งได้ สักครู่จึงออกจากสมาธิ

 

 

ภาพนิมิตตัวอย่างดวงตาทิพย์ปรากฏกลางหน้าผากในสมาธิภาวนา



หลวงพ่อกล่าวขอบคุณองค์ชายองค์หญิง ถึงเวลาข้าพเจ้าควรใช้สร้อยประคำ

 

วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เช้าวันนี้ อี๊เกียง ข้าพเจ้า หลานสาว และบุตรสาวได้เดินทางมาเปิดร้านตามปกติ วันตรุษจีน แต่เช้านี้ได้แวะซื้ออาหารไว้ทานมื้อกลางวันที่ถนนหน้าโรงพยาบาลแมคคอร์มิค ขณะที่กำลังจะซื้อของได้พบหลวงพ่อท่านหนึ่ง ท่านเป็นพระธุดงค์ (สังเกตจากสีจีวร  กลด บาตร ย่าม รวมทั้งท่านไม่ได้สวมรองเท้าแต่อย่างใด) ท่านได้ให้สายสิญจ์แก่บุตรสาวและหลานสาว ขณะที่หลวงพ่อรูปนั้นได้เงยหน้าขึ้นมองมาที่ข้าพเจ้า  ข้าพเจ้าสังเกตุเห็นท่านทำหน้าตกใจ ดวงตาเบิกโต พร้อมกับชะงักไปสักครู่ จากนั้นท่านได้เปลี่ยนจากสายสิญจน์ เป็นสร้อยประคำแบบใส่ข้อมือให้ พร้อมทั้งบอกว่า “ให้ไว้เวลานั่งทำสมาธิจะได้จิตนิ่ง” ข้าพเจ้ายกมือไหว้ขอบคุณท่านและรับสร้อยประคำข้อมือมา อี๊เกียงก็ได้เช่นเดียวกัน ขณะที่รับ ข้าพเจ้ารู้สึกแปลกใจที่ท่านกล่าวว่า “เอาไว้เวลานั่งทำสมาธิจะได้จิตนิ่ง”  ท่านรู้ได้อย่างไรว่า ข้าพเจ้านั่งทำสมาธิ  และทำไมท่านต้องทำท่าตกใจเมื่อเห็นหน้าข้าพเจ้า  สักครู่ข้าพเจ้าได้ถวายเงินให้หลวงพ่อรูปนั้นเป็นจำนวน 40 บาท ขณะที่นำเงินใส่บาตร หลวงพ่อรูปนั้นกล่าวคำว่า "ขอบคุณมาก ขอบคุณมาก" ด้วยความนอบน้อมและความปิติยินดี  ข้าพเจ้าได้ยกมือไหว้ท่านอีกครั้งพร้อมด้วยความสงสัย (ทำไมหลวงพ่อท่านต้องขอบคุณด้วยล่ะ และทำไมท่านต้องดีใจขนาดนั้น)  จากนั้นข้าพเจ้าได้พาบุตรไปซื้ออาหาร ขนม ขณะเดียวกันก็ได้สังเกตุเห็นหลวงพ่อรูปนั้นแอบชำเลืองมองมาที่ข้าพเจ้า  พอข้าพเจ้า    หันกลับไปมองท่าน ท่านก็รีบหลบหน้า และแอบชำเลืองมองมาที่ข้าพเจ้าอีกหลายครั้ง  

เมื่อกลับมาถึงร้าน ข้าพเจ้าจึงได้บอกกล่าวแก่พระแม่ และถามพระแม่ พระแม่ชี้แจ้ง “ถึงเวลาที่ข้าพเจ้าควรจะใช้สร้อยประคำแล้ว “  ทั้งนี้ ข้าพเจ้าไม่ต้องไปซื้อสร้อยประคำเส้นใหม่  เนื่องจากหลายเดือนก่อนข้าพเจ้าได้ถวายสร้อยประคำแก่พระแม่เส้นหนึ่ง เป็นสีขาว พระแม่ชี้แจ้งให้ใช้สร้อยประคำเส้นนั้นเท่านั้น ไม่ให้ไปซื้อใหม่  และให้เริ่มใช้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เพื่อให้จิตนิ่งในขณะที่ปฏิบัติสมาธิภาวนา  (เข้าใจว่าสร้อยประคำเส้นนั้น พระแม่ได้ใส่น้ำมนต์ให้แล้ว สร้อยเส้นนั้นมีจำนวนลูกประคำสำหรับนับเพื่อกำหนดจิตให้นิ่งอยู่จำนวนทั้งสิ้น 111 ลูก รวมอุบะอีก 3 ลูก รวมทั้งหมดมี 114 ลูก (ปกติสร้อยประคำจะมี 108-109 ลูก หรือไม่เช่นนั้น หากนับรวมอุบะแล้วอาจมี 111 ลูกได้ แต่ของข้าพเจ้ามี 114 ลูก (เกินมา 3 ลูก  ) และที่ผ่านมา ข้าพเจ้าเองก็ไม่แน่ใจว่า ควรจะเริ่มใช้สร้อยประคำเมื่อไหร่ และเส้นใดจะเป็นของข้าพเจ้า และเวลานี้พระแม่ก็ได้ให้สร้อยประคำแก่ข้าพเจ้าแล้ว ถึงแล้วเวลาที่ข้าพเจ้าควรจะนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์) 

ต่อมาข้าพเจ้าได้ถามพระแม่เพิ่มกรณีหลวงพ่อรูปนั้น พระแม่ชี้แจ้ง “หลวงพ่อท่านนั้นได้เห็นองค์ชายองค์หญิงนั่นเอง”  (นั่นหมายความว่า ขณะที่ข้าพเจ้าถวายเงินกับหลวงพ่อ หลวงพ่อท่านเห็นว่า องค์ชายองค์หญิงได้หยิบเงินองค์ละ 20 บาทให้ จึงได้กล่าวคำ  “ขอบคุณมาก” ถึง 2 ครั้งพร้อมทั้งก้มโน้มตัวลงเล็กน้อยแสดงความนอบน้อมด้วยความปิติยินดีในเวลานั้น)

ช่วงเย็นของวันนี้ราว 17.00 น. ทุกคนได้ไปว่ายน้ำในสระที่บ้านเพื่อนอี๊เกียง ขณะกลับบ้านลูกบอกข้าพเจ้าว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกองค์ลงไปเล่นน้ำเต็มไปหมดจนไม่มีที่จะให้ว่าย    องค์พระยูไลก็มาเหมือนกัน แต่มาสาย ทุกคนขึ้นจากสระแล้ว เลยไม่ได้ว่าย

ก่อนนอน ลูกยังบอกข้าพเจ้าอีกว่า สร้อยแขนประคำที่หลวงพ่อให้ข้าพเจ้า  เป็นสร้อยที่       สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกองค์ให้ข้าพเจ้า  ให้ข้าพเจ้าใส่ไว้ตลอดเวลา เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกองค์ก็ใส่เหมือนกัน  ส่วนอีกเส้นที่หลวงพ่อให้มา ข้าพเจ้าได้ขอพระแม่ให้อาม่าใส่ไว้ตลอดเวลาเช่นกัน (เดิมทีคิดอยากจะได้สร้อยแขนสักเส้นแต่หาที่ถูกใจไม่ได้แต่ตอนนี้ได้สร้อยมาแล้ว  )

 

ความหมายของสร้อยประคำ 114 ลูก

 

วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ค่ำนี้หลังจากปิดร้านกลับเข้าบ้านประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง ก่อนเข้านอน ข้าพเจ้าได้บอกให้ลูกฟังว่า สร้อยประคำของหม่าม๊ามีจำนวนเกินมา 3 ลูกไม่รู้ว่าจะมีความหมายอะไรหรือไม่   ลูกบอกว่า พระแม่กวนอิมมาบอกให้ลูกว่า สร้อยประคำ 108 ลูกนั้นแทนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ ส่วนอีก 3 ลูกที่เหลือ เป็นขององค์ชาย องค์หญิง และของลูกเองและ 3 ลูกต่อท้ายเป็นอุบะ  ดังนั้น ข้าพเจ้าได้จึงถามพระแม่ พระแม่ชี้แจ้งเป็นจริงตามที่บอก



 

เบิกดวงตาทิพย์นิมิตมองเห็นองค์ชายอั้งไห้ยี้

 

วันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เช้านี้ตื่นมาทำสมาธิประมาณ ตี 5 ครึ่ง (ตื่นสายอีกตามเคย)  ขณะที่สวดคาถาชินบัญชรในจิตพร้อมกับนับลูกประคำไปกระทั่งจิตเริ่มนิ่ง ได้มีภาพปรากฏเป็นเด็กผู้ชาย อายุราว 4 ขวบ ทรงผมตัดเกรียนสั้นเหมือนทรงนักเรียน ขี่ปลาตัวใหญ่ว่ายน้ำมาจากทะเลมาถึงเบื้องหน้าและยิ้มให้  สักครู่ภาพจึงหายไป  รุ่งเช้าข้าพเจ้าจึงได้ถามพระแม่ว่า พระแม่ชี้แจ้งคือองค์ชายอั้งไห้ยี้  และนิมิตที่เห็นนั้น เห็นจากดวงตาทิพย์ เนื่องด้วยพระแม่ต้องการทดสอบดวงตาทิพย์สามารถใช้ได้หรือยัง

 

 

ภาพจากดวงตาทิพย์ปรากฏ องค์ชายอั้งไห้ยี้ ขี่ปลาตัวใหญ่มาหาและยิ้มให้ข้าพเจ้า

คล้ายกับภาพที่ปรากฏใน internet

 

ต่อมาอีกสักครู่ ได้มีภาพองค์ชายองค์หญิงเป็นองค์โดเรมอน ทั้ง 2 องค์ปรากฏอยู่บนก้อนเมฆ  ซึ่งเห็นจากดวงตาทิพย์เช่นเดียวกัน

 

 


ภาพจากดวงตาทิพย์ปรากฏ องค์ชายองค์หญิงเป็นองค์โดเรมอนอยู่บนก้อนเมฆ


 

นิมิตฝัน ถึงพระพุทธองค์และเหล่าสาวกในอดีตกาล

 

วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เช้ามืดวันนี้ข้าพเจ้าได้มีนิมิตถึงพระพุทธองค์ และสาวกของพระองค์ในอดีตกาลในขณะที่กำลังนอนหลับอยู่ พระองค์มีแสงรัศมีที่สวยงามยิ่งนัก 

 

 

 


ภาพตัวอย่างพระพุทธองค์ในอดีตกาลและเหล่าสาวก

 

พระแม่ทรงประทานสัญลักษณ์จุดบนหน้าผากข้าพเจ้า เป็นรอยบุ๋มกลางหน้าผาก

 

วันเสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เวลา 16.27 น. วันนี้เด็ก ๆ อาม่ามาอยู่ที่ร้านกับข้าพเจ้า ขณะที่กำลังคุยกันเรื่องดวงตาทิพย์ที่พระแม่ประทานให้ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าบอกอาม่าว่า เช้านี้ขณะนั่งทำสมาธิ รู้สึกว่ามีพลังงานทั้งหมดมารวมที่กลางหน้าผากเหมือนทุกวันที่ผ่านมา แต่พอล้างหน้าเสร็จข้าพเจ้าสังเกตเห็นมีรอยบุ๋มกลางหน้าผาก แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมาก จนกระทั่งบ่ายนี้ไปส่องกระจก สังเกตเห็นรอยบุ๋มที่หน้าผากมากขึ้น กระทั่งลูกบอกว่า พระแม่บอกว่า ตาทิพย์ของเด็ก ๆ จะเป็นขีด ๆ ส่วนของผู้ใหญ่จะเป็นวงกลมถึงจะสวย ของข้าพเจ้าตอนนี้มีที่หน้าผากถ้าดูไกล ๆ จะเห็นได้ชัด กระทั่งอาม่า หลานสาว และอี๊เกียงก็สังเกตเห็นได้เช่นเดียวกัน ข้าพเจ้าจึงได้ถามพระแม่ พระแม่ชี้แจ้ง “เวลานี้หน้าผากของข้าพเจ้ามีรอยบุ๋มนั้นเป็นสัญลักษณ์ของตาทิพย์ที่พระแม่ประทานให้” 

และในอนาคต จุดบนหน้าผากของข้าพเจ้าจะเปลี่ยนสีเป็นสีแดงวงกลมแบบเดียวกันกับองค์พระธิดาเมี่ยวซ่าน ในละคร “กำเนิดเจ้าแม่กวนอิม”  ส่วนใครจะเห็นได้แล้วแต่บารมีแต่ละคน

 

 


 

นิมิตดวงแก้วสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่กับข้าพเจ้า

 

วันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

กลางดึกราวตี 2 ครึ่งข้าพเจ้าตื่นขึ้นมาห่มผ้าให้ลูก ขณะที่กำลังหลับตาลงจะนอนหลับต่อ ได้ปรากฏมีนิมิตเป็นดวงแก้วใส สวยงามมากปรากฏอยู่เบื้องหน้า ข้าพเจ้าจึงได้ขึ้นมานั่งทำสมาธิต่ออีกสักครู่

รุ่งเช้าได้ถามพระแม่กวนอิม พระแม่ชี้แจ้งว่า “นิมิตดวงแก้วใสนั้น หมายถึงตัวแทนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ และเวลานี้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ได้อยู่กับข้าพเจ้าแล้ว 

 

 

 


ภาพตัวอย่างนิมิตดวงแก้วใสแทนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ที่อยู่กับข้าพเจ้า ณ เวลานี้

 

 

พระแม่ชี้แจ้ง งูยักษ์ที่ฝันเห็นที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาล แท้จริงคือท่านพญานาค และเป็นบริวารขององค์พระศิวะและพระพิฆเนศ

 

วันอาทิตย์ที่ 24  กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

                เวลา 15.30 น. หลังจากกลับมาจากเยี่ยมอาเจ็กซึ่งนอนป่วยที่โรงพยาบาลด้วยโรคมะเร็งระยะที่ 4  เมื่อวันพุธที่ 20 ที่ผ่านมากระทั่งถึงวันนี้ ข้าพเจ้ารู้สึกจิตใจยังคงระลึกถึงแต่งูยักษ์ที่ฝันในวันนั้น เหมือนมีบางสิ่งที่ยังไม่กระจ่างชัด   วันนี้ขณะที่กำลังนั่งดูละครย้อนหลังเรื่อง มณีสวาท  จิตให้ระลึกได้ว่า พญานาคที่แปลงร่างเป็นงูยักษ์สีเขียวในละคร ช่างเหมือนกันงูยักษ์ที่ข้าพเจ้าฝันเห็นในระหว่างที่นอนเฝ้าอาการอาเจ็ก   ข้าพเจ้าจึงได้ทำจิตให้นิ่งและนั่งตรึกตรองสักครู่ แล้วจึงได้ถามพระแม่ เพื่อขอพระแม่ช่วยชี้แจ้งให้เกิดความกระจ่างชัด โดยเมื่อได้ถามพระแม่ตามลำดับแล้ว จึงได้ความดังนี้

                “พระแม่ได้ชี้แจ้งว่า งูยักษ์ที่มาให้ฝันในเช้ามืดวันที่เดินทางไปเยี่ยมอาเจ็ก แท้จริงแล้ว คือท่านพญานาคแปลงกายมาหา  และท่านพญานาคก็พำนักอยู่ ณ โรงพยาบาล วชิระ ในบริเวณเดียวกับที่พำนักของศาลพระแม่ทับทิม พระแม่กวนอิม ทรงประทับอยู่  ซึ่งอยู่ฝั่งโรงพยาบาลตึกเก่า เดินเข้าไปใน สวนซึ่งมีต้นไม้มากมาย และแท้จริง ท่านพญานาคนั้นเป็นบริวารขององค์พระศิวะและพระพิฆเนศ

                และท่านพญานาคต้องการ ให้ข้าพเจ้าไปจุดธูปอัญเชิญท่านมาประทับกับข้าพเจ้า และ  สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ และในอนาคตอันใกล้ ข้าพเจ้าก็จะได้เห็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ รวมทั้งท่านพญานาคด้วยเช่นกัน “   ภายหลังข้าพเจ้าจึงเข้าใจแล้วว่า การที่พระแม่ให้ข้าพเจ้ารีบไปเยี่ยมอาเจ๊กนั้น เนื่องด้วยพระแม่จะช่วยให้อาเจ๊กได้ขึ้นไปอยู่บนสวรรค์นั่นเอง ในเวลาที่พระแม่พาอาเจ็กไปเที่ยวชมสวรรค์และนรกแล้ว อาเจ๊กได้บอกกับพระแม่ว่าขอไปอยู่บนสวรรค์

 

 

ภาพตัวอย่างท่านพญานาคแปลงร่างมาหาในนิมิต

 

พระแม่ชี้แจ้งกำเนิดข้าพเจ้าและลูกสาวอีกครั้ง

 

วันพฤหัสบดีที่ 28  กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

                วันเดียวกันนี้ ขณะที่นั่งดูภาพพระแม่กวนอิม ลูกบอกอีกครั้งว่า คนที่ยืนข้าง ๆ พระแม่คือ หม่าม๊า ส่วนเด็กที่พระแม่อุ้มอยู่คือ ลูก ส่วนองค์ชายองค์หญิงรวมร่างกันเป็นองค์เดียว


                ข้าพเจ้าจึงได้ถามพระแม่อีกครั้ง พระแม่ชี้แจ้ง เป็นจริงตามที่ลูก บอกไว้

 


 

องค์หญิงปรากฎกายให้เห็น

 

วันเสาร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2556

                คืนวันศุกร์ราว 21.40 น.คืนนี้ข้าพเจ้าสังเกตุจุดบนหน้าผากเห็นเป็นสีชมพูเล็กน้อย อากงและอาม่าก็สังเกตุเห็นได้   กระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้นราว ตี 5 อากงตื่นขึ้นมาเพื่อทำอาหารเช้า ข้าพเจ้าลืมตาขึ้นมาสักครู่ ขณะหลับตาลงก็ได้เห็นแสงสีขาวปรากฏบริเวณกลางหน้าผาก จึงได้ตื่นขึ้นมาเพื่อนั่งสมาธิ      ทันใดทั้นก็ได้เห็นเด็กผู้หญิงอายุราว 4 ขวบ รูปร่าง หน้าตาเหมือน บุตรสาวมาก นั่งอยู่บนผ้าห่มตรงบริเวณขาของสื่อเซียง ซึ่งขณะนั้นบุตรสาวกำลังนอนหลับอยู่ และเด็กคนนั้นใส่เสื้อสีชมพูลายขาว  กางเกงสีชมพู ซึ่งเป็นชุดเดียวกับบุตรสาว

                และในขณะที่นอนหลับต่อ ก็ได้เห็นภาพบ้านเมืองเป็นตึกสูงใหญ่ สวยงาม มีความเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก คล้าย ๆ กับฮ่องกงในปัจจุบันนี้ สักครู่ภาพจึงภายไป

                จวบจนรุ่งเช้า ข้าพเจ้าจึงได้ถามพระแม่ว่า พระแม่ชี้แจ้งว่า “เด็กผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนตัวลูกรูปร่างหน้าตาคล้ายลูก  นั้นคือองค์หญิง“  

                 จากนั้นจึงได้ถามพระแม่อีกครั้งในส่วนของภาพบ้านเมืองที่มีแต่ตึกสูง สวยงามและรุ่งเรือง ซึ่งพระแม่ทรงชี้แจ้งว่า ภาพที่เห็นนั้นเกิดจากดวงตาทิพย์ของข้าพเจ้า ซึ่งเป็นภาพเมืองเชียงใหม่ในอนาคต

 

 


ภาพจากดวงตาทิพย์ ภาพตัวอย่างเมืองเชียงใหม่ในอนาคต ตึกสูง สวยงาม รุ่งเรืองคล้าย ฮ่องกงในปัจจุบัน มีแต่ความศิวิไลซ์

 

องค์หญิงองค์ชายปรากฏบนภาพถ่ายบ้านในฝันอีกครั้ง

 

วันอังคารที่ 12    มีนาคม พ.ศ. 2556

ราว 15.10 น. วันนี้อาม่าและป่าป๊ากู๋โทรมาบอกข้าพเจ้าว่าได้เห็นภาพผู้หญิงคนหนึ่ง หน้าตาคล้ายผู้ชาย ใส่ลิปสติกสีแดง ผมสั้นหน้าม้า ปลายผมถักเปีย ใส่สไบสีแดง นุ่งโจงกระเบนสีเขียว ปรากฏบนภาพถ่ายบ้านในฝันภาพที่ 0916  ให้ข้าพเจ้ารีบเปิดภาพดู ซึ่งคราวที่ผ่านมาไม่เห็นมีองค์    ใด ๆ ปรากฏบนภาพถ่ายนี้ ดังนั้นภาพจึงเพิ่งปรากฏให้เห็นในวันนี้

เมื่อข้าพเจ้าและอี๊เกียงเห็นภาพจึงได้ถามพระแม่อีกครั้ง และพระแม่ทรงชี้แจ้งว่า “องค์ที่ปรากฏในภาพนั้นคือ องค์ชายและองค์หญิงขณะรวมร่างกันนั่นเอง และที่สำคัญคือ ดวงตาเป็นโดเรมอน จมูกเป็น    โดเรมอน ”

 


 

ภาพองค์ชายองค์หญิงรวมร่างปรากฏบนภาพถ่าย 0916 ปรับแสงภาพให้ดูชัดขึ้น ซึ่งถ่ายเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2556 ภาพขวาเป็นภาพวาดจำลองตามภาพถ่าย

 

บริวารพระแม่กวนอิมปรากฏบนภาพถ่ายบ้านรอบหลัง

 

วันอังคารที่ 12    มีนาคม พ.ศ. 2556

ราว 15.45 น. วันนี้ข้าพเจ้าและอี๊เกียงได้ย้อนกลับมาดูภาพถ่ายบ้าน ซึ่งถ่ายเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2556 ปรากฏเห็นภาพบริวารพระแม่ในภาพถ่าย

 


 

 


ภาพถ่ายบริวารพระแม่กวนอิมในบ้านอีกครั้ง ภาพถ่ายที่ SDC13162

 

ดวงตาทิพย์มีปฏิกิริยา

 

วันพฤหัสบดีที่ 14  มีนาคม พ.ศ. 2556

บ่ายวันนี้ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังนั่งวาดรูปมังกรหงส์อยู่นั้น ดวงตาทิพย์บนหน้าผากก็ได้เกิดอาการคันขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ จึงได้แต่อดทน เป็นอยู่ 2 ครั้งจึงหายเป็นปกติ และเมื่อลองเอานิ้วไปจิ้มดวงตาทิพย์บนหน้าผากดู 2-3 ครั้งปรากฏว่า “ปวดมาก เหมือนคนโดนจิ้มลูกตา”  เจ็บอยู่หลายนาทีจึงหายปวด

ตกค่ำข้าพเจ้าได้ถามพระแม่เกี่ยวกับอาการคันดวงตาทิพย์ พระแม่ทรงชี้แจ้งว่า “ ที่ดวงตาทิพย์มีอาการคันนั้น เนื่องด้วยพระแม่ได้กระทำบางอย่างกับดวงตาทิพย์นี้ เพื่อเตรียมให้เห็นองค์ชาย        องค์หญิง”

 

 

นิมิตเหตุการณ์แผ่นดินไหวของบ้านเมืองในอนาคต

 

วันจันทร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2556

ยามราตรีราว ตี 1 กว่า ๆ ของวันนี้ข้าพเจ้ารู้สึกชาไปทั้งตัวจนไม่สามารถนอนหลับได้ ความจริงอาการนี้ได้ดีขึ้นมานานแล้ว กระทั่ง 2 วันที่ผ่านมานี้ข้าพเจ้าไม่ได้นั่งทำสมาธิ แต่คืนนี้ชาและปวดกระดูกข้อมือจนไม่สามารถนอนต่อได้ จึงได้รีบตื่นขึ้นมานั่งสวดมนต์ชินบัญชรพร้อมทั้งนับสร้อยประคำ และนั่งทำสมาธิเมื่อทำได้ประมาณ 10 นาทีอาการชาและปวดข้อซึ่งทรมานมากจึงได้หายเป็นปลิดทิ้ง ร่างกายกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ข้าพเจ้าจึงได้นั่งทำสมาธิต่อไปอีกราวเกือบชั่วโมง ขณะนั่งทำสมาธิในช่วงนี้ไม่มีนิมิตใด ๆ หากแต่ยังคงเหมือนตนเองอยู่ในอวกาศ มีดวงดาวสว่างไสวเต็มไปหมด จิตได้แต่นิ่ง ไม่ได้มีความปวดแต่อย่างใด สักครู่จึงออกจากสมาธิและนอนหลับต่อ ช่วงที่หลับได้ปรากฏมีนิมิต  ข้าพเจ้าและคนรู้จักอยู่ในย่านศูนย์กลางค้าใหญ่สวยหรู แต่สักครู่ได้เกิดแผ่นดินไหว ผู้คนวิ่งหนีกันอย่างอลหม่าน  มีรถเก๋งที่วิ่งเร็วจนพลิกคว่ำทั้งคัน ขณะนั้นก็มีรถกระบะวิ่งทับรถเก๋งคันดังกล่าว ข้าพเจ้าได้แต่มองรถเก๋งคันนั้นและนึกว่าคนในรถเก๋งจะเป็นอย่างไร สักครู่จึงนิ่งไป ขณะที่นิ่งไปชั่วขณะ ข้าพเจ้าสังเกตเห็นบนผนังมีการสั่นไหวเล็กน้อย จึงได้รีบเรียกทุกคนให้วิ่งหนีออกนอกอาคาร เมื่อออกไปถึงนอกอาคารตัวข้าพเจ้าได้ลอยขึ้นไปอยู่บนท้องฟ้าได้มองลงมายังเบื้องล่าง เห็นสภาพตึกถล่มทั้งตึกอย่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก แล้วข้าพเจ้าจึงตื่นนอนด้วยความรู้สึกที่น่าสะพรึงกลัวกับภาพนิมิตดังกล่าว

รุ่งเช้าข้าพเจ้าได้ถามพระแม่ พระแม่ทรงชี้แจ้งว่า “นั่นคือนิมิตถึงอนาคต บ้านเมืองจะเกิดภัยแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ตึกถล่มทั่วสารทิศ ผู้คนล้มตายและเจ็บกันมากมาย”

 

 

 

ตัวอย่างภาพนิมิต ตึกถล่มทั้งตึกคล้าย ๆ กับห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่


ดวงตาทิพย์เกิดปฏิกิริยา และนิมิตถึงพระพุทธองค์อีกครั้ง

 

วันพฤหัสบดีที่ 21  มีนาคม พ.ศ. 2556

                เช้านี้ข้าพเจ้าตื่นมานั่งทำสมาธิ วันนี้หลังจากสมาธิเข้าสู่อวกาศที่มีดวงดาวเต็มไปหมด สักครู่ได้เปลี่ยนจากอวกาศ เป็นท้องฟ้าสีขาวสว่างไสวและมีก้อนเมฆทั่ว ๆ ไป จิตยังคงนิ่ง สักครู่ ได้มีภาพนิมิตถึงเมืองเชียงใหม่ในอนาคตอีกครั้ง เป็นเมืองที่มีแต่ความศิวิไลซ์ ตึกสูงใหญ่สวยงาม สักครู่จึงออกจากสมาธิ ขณะนั้นรู้สึกปวดที่ดวงตาทิพย์อย่างมากชั่วขณะหนึ่ง อาการจึงหายไปเป็นปกติ ขณะที่หลับตาลงได้เกิดนิมิตเป็นองค์พระพุทธรูปสีขาวล้วน องค์ใหญ่สง่า เบื้องหน้าเป็นทางเดินสีขาวตลอดทาง และมีข้าพเจ้านั่งมองอยู่เบื้องหน้าท่าน

                บ่ายนี้ข้าพเจ้าได้ถามพระแม่ ซึ่งพระแม่ทรงชี้แจ้งว่า “ดวงตาทิพย์ที่เกิดปฏิกิริยา เหตุเพราะ  พระแม่กำลังดำเนินการดวงตาทิพย์เพื่อให้เห็นองค์ชายได้โดยเร็ว   สำหรับนิมิต ถึงพระพุทธองค์นั้น หมายความว่า ให้ข้าพเจ้าจิตนิ่งและสงบ ให้ศรัทธาพระพุทธองค์ให้มาก ๆ และให้รอปาฏิหาริย์จาก   พระพุทธองค์ “

 

 


ภาพนิมิต ข้าพเจ้าอยู่เบื้องหน้าพระพุทธองค์สีขาวองค์ใหญ่


พระแม่ทรงเมตตา ชี้แจ้งสมาธิรักษาอาการเจ็บป่วยของข้าพเจ้า

 

วันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2556

                ราวตี 3 ของวันนี้ข้าพเจ้ารู้สึกชาไปทั้งตัว อีกทั้งปวดตัวปวดกระดูกไปทั้งตัว จึงได้รีบตื่นมาพยายามนั่งทำสมาธิ ผ่านราว 10 นาที อาการทุเลาลงบ้าง แต่ยังไม่ดีเท่าที่ควร ข้าพเจ้าจึงได้ออกจากห้องนอนไปนั่งทำสมาธิหน้าห้องและหันหน้าไปทางโต๊ะพระ จิตอธิษฐานถึงพระแม่ พระพุทธองค์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ขอให้หายจากการทรมาน หายจากอาการชา ด้วยเถิด พอข้าพเจ้าหลับตา จิตคิดแต่ว่า ทำจิตให้สงบ ไม่ถึง 2 นาที อาการชาและทรมานก็หายเป็นปลิดทิ้ง จากนั้นตัวก็ค่อย ๆ เบาขึ้นกระทั่งรู้สึกสบาย  ขณะที่นั่งไปได้ราว 30 นาทีเห็นจะได้ ข้าพเจ้าได้เห็นแสงค่อย ๆ สว่างขึ้นโดยปรากฏจากดวงตาทิพย์ กระทั่งสว่างจ้า เหมือนตอนกลางวัน แต่ไม่แสบตา ตอนนั้นรู้สึกตกใจ พอตกใจ แสงก็หายไป ซักพัก ก็ปรากฏแสงค่อย ๆ สว่างอีก เป็นแบบนี้ 2-3 ครั้ง จากนั้นจิตจึงเริ่มไม่ตกใจ แต่จิตกลับคิดว่าจะปล่อยวาง ทำจิตให้เลื่อนลอย อย่าได้ไปสนใจว่าคืออะไร แสงก็หายไปอีก  สักครู่ ข้าพเจ้าจึงออกจากสมาธิ

                รุ่งเช้าจึงได้ขอถามพระแม่  พระแม่ทรงเมตตาชี้แจ้งว่า การทำสมาธิจะช่วยให้ข้าพเจ้าหายจากอาการเจ็บป่วยในทุกวันนี้ได้ และข้าพเจ้าจึงได้รู้ว่าความสว่างขณะทำสมาธินั่นคือ โอภาสนิมิตนั่นเอง


 

พระแม่ชี้แจ้ง ดวงตาทิพย์รักษาอาการป่วยข้าพเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์นั่งทำสมาธิกับข้าพเจ้า

 

วันเสาร์ที่ 30  มีนาคม พ.ศ. 2556

                เมื่อวานนี้ข้าพเจ้านั่งทำสมาธิได้แค่ 15 นาทีเท่านั้น เช้านี้พอนั่งได้ 15 นาที รู้สึกง่วงนอนจึงนอนหลับต่อกระทั่งราวตี 4 ข้าพเจ้าเริ่มมีอาการชา จึงได้รีบตื่นมานั่งทำสมาธิหน้าโต๊ะพระ นั่งได้ราว 15 นาที ตรงดวงตาทิพย์รู้สึกได้ว่ามีปฏิกิริยา รู้สึกมีพลังงานมารวมที่ตาทิพย์ และมีอาการคันรอบ ๆ  ตาทิพย์ สักครู่อาการชาก็หายไป  เมื่อนั่งไปสักครู่ ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินไปเดินมาตรงข้าง ๆ และข้างหน้าข้าพเจ้า และมีคนไปนั่งที่โซฟา แต่ข้าพเจ้าก็ไม่ได้ลืมตาดู เพราะรู้ว่า ถึงลืมตาขึ้นมาดูก็มอง     ไม่เห็นอยู่ดี รุ่งเช้าจึงได้ถามพระแม่ พระแม่ทรงชี้แจ้งว่า “การที่ดวงตาทิพย์มีปฏิกิริยานั้น เพราะดวงตาทิพย์กำลังรักษาอาการป่วยให้ และขณะที่ข้าพเจ้านั่งทำสมาธิ พระแม่และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ได้ออกมานั่งทำสมาธิกับข้าพเจ้า”

 

ปาฏิหาริย์พระพุทธองค์และพระแม่ ทรงประทานพระพุทธชินราชให้ข้าพเจ้า

 

วันเสาร์ที่ 30  มีนาคม พ.ศ. 2556

                หลายวันที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้นิมิตถึงพระพุทธองค์สีขาวองค์ใหญ่  ซึ่งพระแม่ทรงชี้แจ้งว่า สมควรแก่เวลาที่ข้าพเจ้าควรจะสวมสร้อยพระพุทธองค์ติดตัว แต่ถึงกระนั้นข้าพเจ้าก็ไม่มีองค์ที่เป็น   พระพุทธองค์ขนาดเล็กพอดี มีแต่ที่เคยเช่าให้อากง ซึ่งองค์ใหญ่เกินไปสำหรับข้าพเจ้า และพระที่มีที่ร้าน หลายวันก่อน ข้าพเจ้าได้นำมาสำรวจดูทุกองค์แล้ว ก็ไม่มีองค์ใดที่ข้าพเจ้าพอใจ จึงได้บอกกล่าวแก่   พระแม่ว่า ไว้วันหลังหากลูกได้ไปที่อื่นใดแล้วพบองค์ที่ถูกใจจึงจะเช่ามาห้อยติดตัว แต่สำหรับองค์ที่มีนั้นก็ขออนุญาตให้อากงแทน

                ราวเกือบ ๆ เที่ยงของวันนี้ ข้าพเจ้านั่งคุยกับอาม่า ว่าจะให้บุตรสาวห้อยองค์พระแม่ ซึ่งข้าพเจ้ามีองค์หนึ่งพอดี จึงได้ไปหยิบให้ ขณะยื่นมือกำลังจะหยิบองค์พระแม่ ข้าพเจ้าต้องตกตะลึง เมื่อข้าพเจ้าพบองค์พระพุทธชินราช องค์สีนวล ขนาดกะทัดรัดพอดี องค์เดียวกับที่ข้าพเจ้าเคยมีนิมิตถึงพระองค์มาก่อน มาปรากฏอยู่บนถาดวางพระของข้าพเจ้าซึ่งข้าพเจ้าเคยพยายามหามาหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีองค์ใดที่ถูกใจข้าพเจ้า   ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกดีใจและประหลาดใจอย่างมาก จึงได้ถามพระแม่  พระแม่จึงทรงชี้แจ้งว่า “องค์พระพุทธชินราชที่เห็นในวันนี้ พระแม่และพระพุทธองค์ได้ประทานมาให้ข้าพเจ้า “

 


 


ภาพพระพุทธชินราชที่เคยมีนิมิต

 

 


ภาพถ่ายองค์พระพุทธชินราชที่พระแม่และพระพุทธองค์ทรงประทานให้ ซึ่งข้าพเจ้าไม่เคยมีองค์นี้      มาก่อน

 

อาม่าได้ยินเสียงองค์ชายอีกครั้ง

 

วันเสาร์ที่ 30  มีนาคม พ.ศ. 2556

                บ่ายนี้ข้าพเจ้าได้อุ้มองค์ชายองค์หญิงในองค์โดเรมอน และได้ตกลงกับ อี๊เกียงว่าจะมาลูกไปกินก๋วยเตี๋ยวในค่ำนี้ ข้าพเจ้าจึงได้บอกองค์ชายองค์หญิงว่า “ลูก เดี๋ยวคืนนี้หม่าม๊าพาไปกินก๋วยเตี๋ยวน๊า”  อาม่าซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ ได้ยินเสียงเด็กผู้ชายราวเด็กวัยรุ่น ตอบว่า “ได้”  เมื่ออาม่าถามพระแม่แล้ว      พระแม่ชี้แจ้ง เป็นเสียงขององค์ชายเอง 

               

 

พระแม่ทรงชี้แจ้ง อนาคตข้าพเจ้าจะมีหูทิพย์ ได้ยินเสียงจากความคิดและ รู้จิตใจคน

 

วันเสาร์ที่ 30  มีนาคม พ.ศ. 2556

                บ่ายนี้ข้าพเจ้าได้ถามพระแม่ในส่วนของหูทิพย์ พระแม่บอกว่า “ในอนาคตนี้ หากข้าพเจ้านั่งทำสมาธิต่อไปจะสามารถมีหูทิพย์ ได้ยินเสียงจากความคิดและรู้จิตใจของคนได้ “

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บันทึกปาฏิหาริย์ บทสวดมนต์พระแม่กวนอิม 1-23

ภาคบทสวดมนต์ พระแม่กวนอิม         บทสวดมนต์นี้ ข้าพเจ้าได้ฟังจากบทสวดและถ่ายทอดเป็นตัวหนังสือ พร้อมกำหนดเสียงสูง ต่ำ ให้สอดคล้องกับบทสวด...