วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2563

บันทึกปาฏิหาริย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์และนิมิตภัยพิบัติ 1-20


ท่านพี่กำหนดการทำงานขณะอยู่กรุงเทพฯ


วันอาทิตย์ที่ 14  เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
    วันนี้ท่านพี่ให้จัดทำสายสิญจน์ เตรียมเซียงเช่า เฉก จัดทำเป็นซอง และให้ร่ายมนตร์คาถาธรณีสาร และมนต์สำหรับคลายอาถรรพ์คุณไสย และร่ายมนต์แห่งสรวงสวรรค์พร้อมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ เพื่อที่จะได้ช่วยเหลือมนุษย์ทั่วไปได้ พร้อม ๆ กับให้ดูดวงลูกค้าเพื่อไม่ให้ลืมเลือนศาสตร์ดังกล่าว เหตุผลยังต้องดูดวงให้อีกหลายคนที่ท่านพี่ได้กำหนดไว้ในอนาคต




    สำหรับการมาทำงานในคณะฯ ครั้งนี้ ท่านพี่ให้เตรียมตัวสำหรับทำงาน ซึ่งงานส่วนใหญ่ต้องทำที่กรุงเทพฯ จึงได้ลงมาเพื่อเตรียมงาน เตรียมสถานการณ์ตามลำดับ
   




ขุมนรกพิเศษ สำหรับเหล่าอสูรกาย

วันพฤหัสบดีที่ 28 เดือนเมษายน พุทธศักราช 2559
    นรกภูมินอกเหนือจาก 8 ขุมหลัก ๆ ซึ่งขุมสุดท้ายคือนรกอเวจีนั้น  แท้จริงนรกภูมิ มีขุมพิเศษอีก 2 ขุม คือ ขุมนรกโลกันต์ หรือเรียกว่า โลกันต์นรก อยู่ระหว่างขอบจักรวาล  และอีกขุม อยู่ระหว่างขอบจักรวาลที่เป็นเส้นคู่ขนานของสวรรค์  เรียกว่าขุมอสูรกาย  ขุมนี้สำหรับผู้ที่กระทำในทางไสยศาสตร์มนต์ดำ อันทำให้ผู้อื่นต้องถึงแก่ความตาย  ผู้ที่อยู่ในขุมนี้ จะไม่ได้ไปผุด ไปเกิดอีก ไปสวรรค์ไม่ได้ ไปนรกไม่ได้  ต้องอยู่เป็นอสูรกายชั่วกัปชั่วกัลป์  เว้นแต่มหาเทพสูงสุดแห่งสรวงสวรรค์จะไปโปรดเท่านั้น จึงจะมีโอกาสกลับเข้าสู่นรกภูมิได้





ถักเสื้อ หมวก ผ้าพันคอ กระเป๋า ให้พระแม่และอาม่า


วันเสาร์ที่ 11 เดือนมิถุนายน พุทธศักราช 2559
    ข้าพเจ้านั่งถักเสื้อ หมวก ผ้าพันคอ ไหมพรมถวายให้อาม่า  อาม่าบอกว่าสวย ชอบมาก ๆ และใส่ทุกวัน






วันอาทิตย์ที่ 12 เดือนมิถุนายน พุทธศักราช 2559
    เช้านี้เวลาประมาณ 06.30 น. ขณะข้าพเจ้ากำลังนอนเล่นนั้น จิตเห็นได้ว่า ระบบในกายทิพย์บางส่วนได้ทำงานเสร็จสมบูรณ์ 100% แล้ว ส่วนใหญ่จะทำงานที่ 70-80%   เมื่อระบบเสร็จสมบูรณ์ในส่วนใด ท่านพี่จะได้ทำการทดสอบระบบในแต่ละส่วนอีกครั้งก่อนเริ่มปฏิบัติภารกิจ
   


ถักชุดคลุมกระโปรงให้พระแม่กวนอิม และอาม่า


วันพุธที่ 3 เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2559

         ในเดือนนี้ข้าพเจ้าเก็บเงินไว้เพื่อจ่ายค่าเทอมให้บุตรจนหมด เดือนนี้ทั้งเดือนมีเงินใช้จ่ายตลอดเดือน ในที่นี้รวมค่ากินและของใช้ประจำ เพียง 3,000 บาท ครั้นอยากได้กระเป๋าสะพายใบใหม่ ก็ไม่มีเงินจะซื้อ จึงต้องนำกางเกงที่ซื้อมาใหม่และยังใส่ไม่ได้ มาตัดเย็บใหม่เป็นกระเป๋าเอง ซึ่งใช้เวลาเกือบตลอดวัน เนื่องด้วยใช้มือในการตัดเย็บ 
     และเดือนที่ผ่านมาข้าพเจ้าได้ ถักชุดคลุมกระโปรงให้พระแม่ และอาม่า  กว่าจะเสร็จก็ใช้เวลาเกือบเดือน  อาม่าบอกว่า ชอบมาก และสวยมาก พระแม่และอาม่าใส่ทุกคืน  และในเวลานี้กำลังถักเสื้อคลุมให้อีกหนึ่งตัว สำหรับให้อาม่าในวันแม่ที่จะถึงนี้  สำหรับอี๊เกียงเมื่อได้เห็นกระเป๋าและชุดที่ข้าพเจ้าทำแล้ว ก็บอกกับข้าพเจ้าว่า “เธอนี่บ้าสุดยอด”  ทำได้ไง สวยมาก (เพราะเป็นครั้งแรกที่หัดทำกระเป๋า และถัดชุดคลุมกระโปรง โดยศึกษาข้อมูลจากทาง Internet)





ชุดคลุมกระโปรงสำหรับพระแม่ และอาม่า



วันเสาร์ที่ 13  เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2559

     ในวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา ขณะนั่งทำโปรแกรมอยู่ที่ทำงาน จิตรู้สึกถึงความเศร้าอย่างมาก จนแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ โดยไม่มีสาเหตุ อีกทั้ง 2-3 วันมานี้มีแต่นิมิตเห็นมวลชนมากมายออกมาบนท้องถนน เพื่อขับไล่รัฐบาลของทหารในปัจจุบันนี้ รวมถึงการยิงกันตามท้องถนน ซึ่งเป็นภาพที่น่าหดหู่ใจ   ยิ่งนัก แม้จะลืมตาตื่นนอนแล้ว ก็ยังคงได้ยินเสียงร้องขับไล่รัฐบาลดังกึกก้องอีกหลายนาที

  
    สำหรับระบบในกายทิพย์หุ่นยนต์ข้าพเจ้า ในเวลานี้ยังไม่สมบูรณ์เต็มร้อยในทุกส่วน พลังเหล่านี้สำหรับการต่อกรกับเหล่าอสูรกายทั้งหลายที่จะออกมาให้ในอีกไม่นานนี้
    วันนี้ข้าพเจ้าได้ถักชุดคลุมถวายพระแม่ และอาม่า ทุกองค์ทั้งสวรรค์ชอบมาก



ชุดคลุมถวายพระแม่ และอาม่า




เสื้อกั๊กถวายพระแม่ และอาม่า


นิมิตพระศากยมุนีสัมมาสัมพุทธเจ้า (พี่ฮุกโจ้ว) ทำข้าวทิพย์ผสมยาสมุนไพร ให้ข้าพเจ้ากิน


วันจันทร์ที่ 29 เดือน สิงหาคม พ.ศ. 2559

     เช้านี้เวลา 05.30 ก่อนตื่นนอน ได้มีนิมิตว่า ข้าพเจ้าอยู่กับ อี๊เกียง ป่าป๊ากู๋ และทุกคนในบ้าน  ข้าพเจ้าได้คุยโทรศัพท์กับพี่ฮุกโจ้ว   ซึ่งพี่ฮุกโจ้ว  บอกว่าจะส่งข้าวทิพย์ผสมยาบำรุงให้กิน สักพัก ได้ปรากฏถ้วยข้าวประมาณ 6 ถ้วยอยู่บนโต๊ะกินข้าวที่ลานหน้าบ้าน 

        ลักษณะข้าวเหมือนข้าวต้มกุ้ย เป็นสีน้ำตาลเข้ม สีคราบของไขมันลอยอยู่บนถ้วยข้าว เมื่อข้าพเจ้าเห็น ก็บอกว่า “ทำไมสีข้าวทิพย์เป็นแบบนี้ล่ะ ไม่เห็นมันจะเป็นสีขาวสวยเลยอะ” พี่ฮุกโจ้วบอกว่า ข้าวทิพย์ก็สีแบบนี้แหละ กิน ๆ ไปเถอะ  ป่าป๊ากู๋ กับอี๊เกียงกินไปคำเดียวบอกว่า ขมมาก อยากอ๊วก   พอข้าพเจ้ากินแล้วกลับรู้สึกเฉย ๆ จืด ๆ ไม่มีรสชาดอะไรเลย ข้าพเจ้ากินจนหมด เหลือเพียงกากข้าวเล็กน้อยในถ้วย

    พี่ฮุกโจ้วบอกว่า กากข้าวที่เหลือเป็นเพียงเศษยา ไม่ต้องกิน ส่วนน้ำมันที่ลอยบนข้าวเป็นไขมันจากรากไม้สมุนไพรบนสวรรค์  ข้าพเจ้ากินแล้วจะช่วยขับสารพิษต่าง ๆ ในร่างกายออกให้หมด และรักษาทุกโรค อันเกิดจากทั้งสิ่งที่มองเห็นและมองไม่เห็น เป็นสูตรใหม่ที่ พี่ฮุกโจ้ว   เพิ่งคิดค้น เพื่อชะล้างสารพิษต่าง ๆ ในร่างกาย และบำรุงผิวพรรณ ทำให้โครงสร้างต่าง ๆ ที่ท่านพี่ทำไว้ ได้แก่ ตาทิพย์ จมูก ฟัน ผิว ผม ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแก่กายเนื้อ และเพื่อเตรียมให้ร่างกายข้าพเจ้าพร้อมสำหรับการตั้งครรภ์อย่างแท้จริงในอีกไม่นานนี้
    ท่านพี่บอกว่า ท่านพี่อยู่สวรรค์ก็กินแต่ข้าวแบบนี้เป็นส่วนใหญ่



ภาพข้าวทิพย์ผสมยาสมุนไพรจากสวรรค์ ช่วยชะล้างสารพิษในร่างกายให้ข้าพเจ้า ซึ่ง  ข้าพเจ้ากินจนเกือบหมดถ้วย เหลือเพียงกากข้าวเล็กน้อยติดถ้วย  ลักษณะข้าวเหมือนข้าวทิพย์ที่ปัจจุบันนี้ยังคงมีสืบทอดมาตั้งแต่โบราณกาล


             ภาพประเพณีกวนข้าวทิพย์โบราณ ที่ปัจจุบันยังมีการทำอยู่  สีขาวที่พี่ฮุกโจ้วให้ข้าพเจ้ากิน จะเป็นสีแบบนี้ แต่เหลวกว่านี้ มีน้ำแบบข้าวต้มกุ้ย  และมีคราบไขมันลอยอยู่ข้างบนข้าว
             ทั้งนี้กรณีของข้าพเจ้าพี่ฮุกโจ้ว ใส่เครื่องปรุงยาสมุนไพรชนิดต่าง ๆ มากมายผสมลงในข้าวก่อนให้ข้าพเจ้ากิน
            และในวันเดียวกันนี้ ได้นิมิตเห็นเหตุการณ์ระเบิดตามจุดสำคัญต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ หลายจุด ผู้คนต่างแตกตื่น อลหม่านและหวาดกลัวกันไปทั่ว



ระบบเสร็จสมบูรณ์


วันอาทิตย์ที่ 11  เดือน กันยายน พ.ศ. 2559

        เวลา 21.49 น. การรวมระบบ และการตั้งค่าระบบทั้งหมดในร่างกาย ได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว ร่างกายกำลังปรับสมดุลของกายทิพย์ ซึ่งใช้เวลาอีกไม่นานนัก จึงพร้อมจะปฏิบัติภารกิจได้
เมื่อข้าพเจ้าเห็นและสัมผัสท่านแล้ว ภารกิจต่าง ๆ จะเริ่มปฏิบัติในทันที ซึ่งการดำเนินการจะกระทำการอย่างกระชั้นชิดและรีบเร่งพอสมควร



ภาพถ่ายข้าพเจ้าปัจจุบัน อายุ 42 ย่าง 43 ปี


วันพุธที่ 14  เดือน กันยายน พ.ศ. 2559

         เช้านี้ก่อนตื่นนอน ข้าพเจ้าได้มีนิมิต เห็นว่าอยู่กับกลุ่มคนมากมาย กำลังคุยเล่นอย่างสนุกสนาน และก่อนที่จะออกไปทำงาน ข้าพเจ้าได้เข้าไปอาบน้ำสระผม ขณะที่สระผมนั้น ได้เห็นว่ามีสัตว์ชนิดหนึ่ง รูปร่างคล้ายปลาไหลขนาดเล็ก ลำตัวมีความยาวขนาดแตกต่างกัน ตั้งแต่ 5-15 เซนติเมตร เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร จำนวนมากมายอยู่ที่หนังศีรษะและเส้นผมข้าพเจ้า  ลักษณะตัวเป็นสีดำ แต่มีวุ้นสีแดงคล้ายเลือดรอบ ๆ เหมือนเมือกเลือด ข้าพเจ้าได้ใช้หวีค่อย ๆ สางผมพร้อมกับเปิดน้ำให้ไหลทิ้ง ซึ่งกองเต็มพื้นจำนวนมาก พร้อมทั้งมีเศษเส้นผมที่ร่วงหล่นผสมร่วมด้วย กระทั่งสางจนหมดจากศีรษะแล้ว จึงไปเป่าผมให้แห้งและแต่งตัวสะอาดสะอ้าน

        

           จากนิมิตนี้ หมายความว่า ในเวลานี้ได้ทำการถอนของคุณไสยทั้งหลายในตัวของข้าพเจ้าอีกครั้ง โดยท่านพี่ พี่ฮุกโจ้ว และพระแม่ ได้ช่วยกันกำจัดออกไปให้  



ภาพคุณไสย คล้ายปลาไหลที่ร่วงหล่นพร้อมกับเศษเส้นผมข้าพเจ้า เป็นสีดำ แต่มีวุ้นหนึด ๆ มากมายรายล้อมเป็นสีแดงคล้ายเลือด



ถึงเวลาสื่อสารด้วยภาษาเทพ


วันศุกร์ที่ 30  เดือน กันยายน พ.ศ. 2559

           เช้ามืดวันนี้ มีอาการท้องร่วงและอาเจียนเนื่องจากอาหารเป็นพิษ วันนี้จึงลาหยุดงาน ภายหลังจากตื่นนอนในเวลา 6.00 น. รู้สึกวิงเวียนศีรษะ อยากอาเจียน และปวดท้อง จึงได้บอกท่านพี่ซึ่งนอนกอดข้าพเจ้าอยู่ ว่า “รู้สึกอยากอ้วก” แต่คำที่ข้าพเจ้าพูดออกมานั้นกลับไม่ใช่ภาษาที่มนุษย์สื่อสารกันในทุกวันนี้  ท่านพี่บอกว่าเป็นภาษาเทพ  ไหนลองพูดอีกทีซิ ลองพูดว่า “วันนี้ไม่สบายท้องร่วง” เมื่อข้าพเจ้าพูดออกมา ก็ยังคงเป็นภาษาเทพ  ท่านพี่ ทั้งสวรรค์รวมถึงนรกภูมิ ต่างแสดงความยินดีที่ข้าพเจ้าเริ่มพูดภาษาเทพในวันนี้ ซึ่งเป็นวันที่ทุกองค์รอคอยมานานแสนนาน  วันนี้จึงหยุดงานหนึ่งวันเพื่อพักผ่อน และพูดภาษาเทพกับท่านพี่ให้ชำนาญ

         เนื่องด้วยภาษาเทพที่ข้าพเจ้าพูดนั้น เป็นภาษาสวรรค์ที่ข้าพเจ้าและพี่ชายอยู่  คำจะคล้าย ๆ กับสวรรค์ที่ท่านพี่อยู่ แต่ก็จะมีบางคำที่แตกต่างกันเล็กน้อย  โดยการสื่อสารภาษาเทพกับท่านพี่นั้นจะใช้จิตสื่อขณะที่พูด จึงทำให้เข้าใจภาษากันได้

      ทั้งนี้ข้าพเจ้าได้บันทึกเสียง การสื่อสารด้วยภาษาเทพให้ฟังเป็นตัวอย่าง ซึ่งเป็นภาษาเทพที่ข้าพเจ้าพูดกับพี่ชายอีกสรวงสวรรค์ ซึ่งภาษาจะใกล้เคียงกับของท่านพี่

        ข้อความภาษาเทพที่ข้าพเจ้าอัดไว้ มีความว่า “ในเวลานี้ เราผู้ซึ่งจะมาทำการสังคายนาทั้ง 3 ภพ ให้สำเร็จลุล่วงตามเป้าประสงค์แห่งบัญชาสวรรค์ เมื่อเสร็จภารกิจในชาติภพนี้ และภพหน้า เราจึงจะลงมาจุติเป็นพระบรมศาสดาองค์ต่อไป จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน”

        ข้าพเจ้าได้ทำการตกแต่งรูปของอาม่า ตามจิตที่ข้าพเจ้าเห็นได้ในเวลานี้ อาม่ามีใบหน้าที่สดใส งดงาม  และมีความสุขร่วมกันกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ 




ว่าด้วยการสื่อสารทางภาษาเทพ


วันจันทร์ที่ 1   เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2559

            การสื่อสารด้วยภาษาเทพนั้น  แต่ละสวรรค์ แต่ละชั้นจะมีสำเนียงที่แตกต่างกันเล็กน้อย  ทั้งนี้เสียงที่พูด และความหมายนั้นอาจจะไม่ตรงกันเสมอกัน ขึ้นกับ ณ เวลานั้น ๆ ต้องการสื่อสารเรื่องใด  โดยจิตของผู้ฟังและผู้สนทนาร่วมกันนั้นต้องสื่อสารถึงกันได้ จึงจะเข้าใจความหมายของคำที่เปล่งออกมา 

             คำที่เปล่งออกมา มีความหมายตามจิตที่กำหนดในขณะนั้น ๆ  หากพูดซ้ำประโยคเดิมก็อาจเป็นอีกความหมายหนึ่ง  หรือความหมายเดียวกัน อาจพูดคนละแบบในช่วงเวลาที่ต่างกัน นั่นคือ คำพูด ตัวสะกดนั้นไม่มีตายตัว ไม่มีกำหนดรูปแบบใด ๆ  ดังนั้น มนุษย์ทั่วไปที่พูดภาษาเทพได้ จึงอาจไม่รู้ความหมายที่พูดเลย หรือไม่เข้าใจผู้ที่สนทนาด้วยก็เป็นได้ เนื่องด้วยจิตยังไม่สูงพอที่จะสื่อถึงผู้สนทนาได้ ไม่สามารถอ่านจิตของกันและกันได้  

              สำหรับข้าพเจ้านั้น การพูดภาษาเทพกับทุกองค์นั้น จิตย่อมรู้กัน สื่อถึงกันได้ จึงเข้าใจในความหมายที่ได้พูดออกไป หากฟังไม่ทันก็สามารถสื่อสารทางจิตแทนได้

             บุคคลที่จะพูดภาษาเทพได้นั้น อาจไม่จำเป็นต้องบรรลุขั้นใด ๆ เลยก็เป็นได้ และบุคคลที่บรรลุอรหันต์แล้วก็อาจจะไม่เคยพูดภาษาเทพเลยก็เป็นได้เช่นกัน แต่อรหันต์ส่วนมากจะรู้ถึงจิตของสรรพสัตว์ได้มากน้อยตามแต่บารมีที่สั่งสมกันมาในแต่ละชาติภพ ขึ้นอยู่กับองค์ต่าง ๆ ที่อยู่ด้วย องค์ที่มาอยู่ด้วยมาได้ตามบุญบารมีที่สั่งสมเช่นกัน ดังนั้น ทุกคนย่อมมีองค์ที่มีบารมีที่ไม่เท่ากัน จำนวนไม่เท่ากัน ความสามารถในอำนาจฌานก็ย่อมแตกต่างกัน อีกทั้งหน้าที่ที่ต้องกระทำย่อมแตกต่างกันเช่นกัน

               บางขณะ มนุษย์บางคนอาจสื่อสารภาษาเทพ แต่ไม่เข้าใจในบทสนทนาของกันและกัน แต่องค์ประจำที่อยู่กับแต่ละคนนั้น จะสื่อสารกันเข้าใจได้ โดยอาศัยร่างมนุษย์ในการสื่อสารให้ผู้คนได้ยินได้ฟัง เพราะมนุษย์ทั่วๆไป ส่วนมากไม่สามารถได้ยินเสียงของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ หรือไม่แม้แต่เสียงของเหล่าวิญญาณ

             ทั้งนี้หากคนใดสามารถพูดคุยภาษาเทพได้ ขอให้พึงปฏิบัติในศีล ในธรรม และหมั่นเพียรนั่งวิปัสสนากรรมฐาน เพื่อเพิ่มบุญบารีให้องค์ที่มีอำนาจสูงมาอยู่ด้วยได้

               ทุกวันนี้ท่านพี่และทุกองค์คุยกับข้าพเจ้าด้วยภาษาเทพตลอดมา แต่เนื่องจากจิตสามารถสื่อกันได้ จึงสามารถฟังออกเป็นภาษาที่เข้าใจได้ นั่นหมายความว่า ถ้าสื่อทางจิตได้ ไม่ว่าจะสื่อสารด้วยภาษาใด ก็เข้าใจความหมายได้ทุกภาษา ในรูปแบบที่เราเข้าใจ




ยิปซี ทำนายดวงเมืองประเทศไทยทั่วไปที่จะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้

    วันศุกร์ที่ 14 เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2559

          ค่ำคืนนี้ข้าพเจ้านั่งดูไพ่ยิปซีเหตุการณ์บ้านเมืองจากโดยดูเหตุการณ์เฉพาะหน้าทั่วไปที่จะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ เป็นครั้งแรกที่ข้าพเจ้าดูไพ่ยิปซีของบ้านเมืองต่อไปจะเป็นเช่นไร ซึ่งปกติจะดูเฉพาะบุคคล และไม่ได้ดูบ่อยนัก และจะดูโดยศาสตร์เลข 7 ตัว 9 ฐานมากกว่าไพ่ยิปซี เนื่องด้วยดูรายละเอียดครั้งเดียวได้ทุกเรื่อง โดยไพ่ปรากฏดังนี้



     การทำนาย   ภายในมีการกระทำที่โกหก หลอกลวงประชาชน มีการแอบกระทำการบางสิ่งซึ่งการกระทำนี้ค่อย ๆ ทำ ทำมานาน ทำแบบเนียน ไม่โผงผาง โดยอาศัยกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เพื่อการได้มาซึ่งอำนาจสูงสุด และทรัพยากรแผ่นดินทั้งหลาย
       ซึ่งที่สุดแล้ว สิ่งเหล่านี้จะนำมาซึ่งความขัดแย้ง การทำร้ายกันและกันอย่างรุนแรง เฉียบพลัน มีการล้มหายตายเจ็บ  การเผาบ้านเผาเมืองอย่างรุนแรง  ศาลยุติธรรม และกฎหมาย ถูกใช้เป็นเครื่องมือส่วนหนึ่งของผู้มีอำนาจบางกลุ่มตั้งแต่อดีตที่ผ่านมา เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดความแตกแยก
          แม้ภายในจิตของทุกคนต้องการความสงบ แต่ในความเป็นจริง คือการทำร้ายกันในทุกวิถีทางด้วยอารมณ์ที่ร้อนรุนทั้งทางร่างกายและจิตใจ ความมีอคติของผู้คน ท้ายสุดมีแต่เพียงความพ่ายแพ้ และความสูญเสียที่เกิดขึ้นแก่ทุกฝ่ายจากวินาศกรรม สงครามกลางเมือง ที่คนในประเทศที่อยู่บนผืนแผ่นดินเดียวกันต่างทำร้ายกันเอง
          การทำลายล้างแบบเบ็ดเสร็จ  อันนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลง การทำลายล้างสิ่งเก่า เพื่อสร้างสิ่งใหม่บนความสูญเสียและความเจ็บปวดที่ไม่อาจเรียกกลับคืนได้



ความหมายไพ่ การโกหก ปกปิด บิดเบือนข้อมูล การกระทำที่ซ้อนเร้น ไม่ถูกต้องตามหลักนิติธรรมแบบ การใช้เล่ห์เหลี่ยมอย่างเงียบ ๆ  ค่อย ๆ กระทำ จากคนภายใน กลุ่มคนที่มีอำนาจ  กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ภายนอกเหมือนจะดูดี แต่ภายในมีบางอย่างที่ไม่อาจเปิดเผยได้



การใช้อำนาจทางกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม นำมาซึ่งความต้องการอำนาจในการปกครอง และทรัพยากรที่มีค่ามากมายของประเทศ ที่มีอยู่แล้วในผืนแผ่นดินไทย ทั้งที่ปรากฎและที่ยังไม่ปรากฎ



ศาลยุติธรรม กฎหมาย คือจุดศูนย์ของเครื่องมือที่นำมาซึ่งทั้งหมดทั้งมวล ไม่ใช่เพิ่งถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือ แต่ถูกนำมาใช้ตั้งแต่อดีตที่ผ่านมา
 

นำมาซึ่งความขัดแย้ง ที่มาเนิ่นนาน จากไพ่ 3 ดาบ 5 ไม้(ตัวแทนประชาชน) และ ไพ่อัศวินถ้วย นำมาซึ่งการเกิดวินาศกรรม สงครามกลางเมืองจากไพ่ the tower (ตัวแทนดาวอังคารตัวแทนทหาร)  ความพ่ายแพ้ และความสูญสิ้น ที่ไม่สามารถจะเรียกกลับคืนมากได้อีก จากไพ่ the star ที่มีความต้องการภายในจิตใจ แต่ในความเป็นจริง มีแต่ความสูญเสียที่ไม่อาจนำกลับคืนมาได้อีก

        ซึ่งเกิดวามเจ็บปวดทั้งกายและใจ จากไพ่ 3 ดาบ  การเกิดของภัยธรรมชาติที่รวดเร็ว และรุนแรง การนำไปสู่การทำลายล้างในสิ่งเก่าเพื่อสร้างสิ่งไป จนนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ บางสิ่งจะถูกเปิดเผย ซึ่งสร้างความเจ็บปวดให้กับคนมากมาย ผู้คนจะหวาดกลัวกับภัยทั้งที่เกิดจากมนุษย์และจากภัยธรรมชาติ ตามความหมายไพ่ the tower

    ผู้มีอำนาจสูงสุดในอดีตที่ผ่านมา อยู่ในภาวะที่เหนื่อยทั้งกายและใจ และยังความอึดอัดหลายอย่างในจิตใจ และถูกกดทับจากอำนาจบางอย่างอันเนื่องด้วยกฎหมาย รัฐธรรมนูญ หรือกระบวนการทางกฎหมาย จากหน้าไพ่ king of wands ภายใต้หน้าไพ่ the justice และ 7 ดาบ การกระทำบางสิ่งที่มองไม่เห็น(ไสยศาสตร์) กดทับอำนาจสูงสุดไว้ และปัญหาต่าง ๆ นั้นยังไม่ได้รับการแก้ไขต่อเนื่องจวบจนถึงปีนี้
   
        ทรัพยากรธรรมชาติที่มีมากมายในประเทศ กลับกลายเป็นจุดกำเนิดของปัญหา ของการแก่งแย่งผลประโยชน์ของกลุ่มอำนาจต่าง ๆ จากหน้าไพ่ 10 เหรียญ และ 5 ดาบ

         ความเศร้าโศก และความเจ็บปวดทั้งทางร่ายกายและจิตใจ ที่เกิดขึ้นของผู้คน และความจริงบางอย่างที่ถูกเปิดเผย จากหน้าไพ่ the star และ 3 ดาบ อันเนื่องมาจากการทะเลาะ วิวาท ความขัดแย้งที่สั่งสมมาเนิ่นนาน ทำให้ประเทศเข้าสู่กลียุค และทุกอย่างจะจบสิ้นลงพร้อมกับการทำลายล้างอย่างเบ็ดเสร็จอันนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ the tower

       จากหน้าไพ่ ข้าพเจ้าอ่านคำอธิบายตามหน้าไพ่เพียงคร่าว ๆ ทั้งนี้ชุดหน้าไพ่ของหมอดูแต่ละคน ย่อมกำหนดให้แตกต่างกันหรือคล้ายคลึงกันได้ ดังนั้นการทำนายหน้าไพ่ 1 ใบในแต่ละตำแหน่งของหมอดูแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป ทั้งนี้ขึ้นกับจิตสัมผัสของหมอดูและหน้าไพ่ของแต่ละคนที่เป็นเจ้าของ  ทั้งนี้การดูไพ่ของข้าพเจ้านั้น ไม่ได้กำหนดความหมายตามแต่ละตำแหน่งเป็นหลัก แต่จะใช้จิตสัมผัสในการดูและโยงความหมายหน้าไพ่แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ เพื่อมองหน้าไพ่ครั้งแรกในภาพรวม ไพ่บอกสถานการณ์โดยรวมได้ทั้งหมด

    การดูไพ่สถานการณ์ทั่วไปนั้น หน้าไพ่ที่ปรากฏ จะบ่งบอกถึงสถานการณ์ที่ได้ดำเนินมาตั้งแต่อดีต มีผลต่อความคิด การกระทำในปัจจุบันที่ยังคงกระทำต่อเนื่อง และส่งผลให้เกิดบางสิ่งในอนาคต อันเป็นผลมาจากการกระทำตั้งแต่ในอดีต



ถอนคุณไสยในตัวข้าพเจ้าอีกครั้ง


วันอาทิตย์ที่ 23  เดือน     ตุลาคม  พ.ศ. 2559

       เช้านี้ก่อนตื่นนอน ในเวลา 03.05  น. ได้มีนิมิตเห็นว่า ที่ผิวบริเวณแขนของข้าพเจ้า ได้มีสัตว์เล็ก ๆ ชนิดหนึ่งคล้ายปลิงสีดำตัวขนาดเท่านิ้วก้อย สีดำมันขลับ มีอยู่ 2 ตัว  ขยับไปมาอยู่ภายในชั้นผิวหนังที่แขนซ้าย ครั้นปลิงนี้พยายามที่จะชอนไชเข้าไปร่างกายข้าพเจ้า

         สักครู่ก็ได้โผล่ออกมาที่ผิวหนังอีก มันพยายามจะเข้าสู่ภายในร่างกายข้าพเจ้า หลายครั้ง แต่ก็ไม่สำเร็จ ข้าพเจ้าจึงได้ทำการดึงออก และบางตัวได้แห้งตายคาผิวหนังข้าพเจ้า

        จากนั้น ได้นิมิตต่อว่า ภายในร่างกายข้าพเจ้ามีพยาธิตัวตืด ขนาดประมาณ 1.5 นิ้ว ยาวประมาณ 5 เมตร สีขาวออกเทา ตัวกลมอ้วนใหญ่ มีหัวและตาสีดำ คล้ายหัวจิ้งจกตอนยังไม่โตนัก  1 ตัว

          และมีพยาธิอีกชนิด คล้ายใบไม้ สีออกฟ้าสลับเขียว ตัวใหญ่ประมาณ 1 ฝ่ามือ และยาวประมาณ 30 เซ็นติเมตรอีก  1 ตัว ได้อยู่ในร่างกายข้าพเจ้า ร่างกายข้าพเจ้าได้ปกป้องไม่ให้ปลิงเหล่านั้นเข้าสู่ร่างกายได้ อาม่าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์รวมทั้งท่านพี่ ได้ช่วยให้พยาธิทั้งสองนี้ออกจากร่างกายของข้าพเจ้าจนหมดสิ้น และได้เห็นพยาธิตัวตืดนอนขดเหมือนลำไส้เล็กกองอยู่ข้าง ๆ พร้อมกับพยาธิใบไม้ ก่อนตื่นนอน

      ทั้งนี้ยังคงมีกลุ่มคนหลายกลุ่ม ที่ทำคุณไสย  ทำทุกวิถีวิถีทางที่จะทำได้ แต่ทว่าทุกวันนี้ข้าพเจ้ายังคงล้างหน้า อาบน้ำมนต์ที่ข้าพเจ้าปลูกเสก และเนื่องด้วยระบบใกล้เสถียรเกือบสมบูรณ์แล้ว เมื่อมีคุณไสยเข้าสู่ร่างกาย ร่างกายจะทำทุกวิถีทางในการขับออกมาโดยไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ ต่อข้าพเจ้าได้อีก



ภาพตัวอย่างนิมิตคุณไสย  ปลิงดำ



ภาพตัวอย่างนิมิตคุณไสย    พยาธิตัวตืด หัวคล้ายจิ้งจก ขนาดลำตัว 1.5  นิ้ว ยาว 5 เมตร    สีขาวเทา



ภาพตัวอย่างนิมิตคุณไสย      พยาธิใบไม้ ตัวแบนใหญ่ประมาณ 1 ฝ่ามือ ยาวประมาณ      30 เซ็นติเมตร




หมอผีทำพิธีเส้นผมรัดคอเพื่อกำจัดข้าพเจ้า


วันพุธที่ 26 เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2559

    ค่ำคืนที่ผ่านมาข้าพเจ้าปล่อยผมนอน ซึ่งปกติจะมัดผม หรือถักเปีย เนื่องด้วยผิวหน้าทุกวันนี้ยังไม่หายเป็นปกติ ยังต้องรักษา โดยจะทาวาสลีนบนใบหน้าก่อนนอน เพื่อให้ผิวมีความชุ่มชื่น แต่ค่ำนี้ได้ปล่อยผมนอน เช้ามืดของวันนี้ ก่อนตื่นนอน ได้รู้สึกว่าเส้นผมของข้าพเจ้าเองซึ่งมีความหนาและยาวกว่าผมของข้าพเจ้าในเวลานี้ (เวลานี้ผมข้าพเจ้ายาวกึ่งกลางหลัง ผมไม่หนามาก หยักโศกเล็กน้อย)  ผมทั้งหมดได้เรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบเข้ารัดพันคอของข้าพเจ้า ผมนั้นหนานุ่มสลวย ไม่มีหยักศก ซึ่งข้าพเจ้ารู้ได้ว่าไม่ใช่ผมของข้าพเจ้า      จนข้าพเจ้าหายใจไม่ออก ผมนั้นพยายามที่จะบีบรัดคอของข้าพเจ้าเพื่อให้ข้าพเจ้าขาดอากาศจนตาย แม้ข้าพเจ้าจะยืนขึ้นและเดินไปเดินมาและเอามือจับที่เส้นผมเพื่อจะดึงผมออกจากลำคอ แต่ผมนั้นกลับยิ่งบีบรัดแน่นขึ้น จนข้าพเจ้าอึดอัดมาก ในที่สุดข้าพเจ้าได้พยายามทำการดึงผมนั้นออกจากลำคอจนสำเร็จ แล้วจึงตื่นนอน

    จวบจนทุกวันนี้ ผู้คนกลุ่มต่าง ๆ ก็ยังคงกระทำการทุกวิถีทางที่จะกำจัดข้าพเจ้า  ข้าพเจ้ารู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่ทำร้ายข้าพเจ้าไม่ใช่ภูติ ผี วิญญาณ หรือคุณไสยใด ๆ เพราะเวลานี้ไม่มีคุณไสย หรือวิญญาณใด ๆ เข้าใกล้ข้าพเจ้าได้อีก นอกจากอำนาจจากอมนุษย์เท่านั้น

    เดิมทีข้าพเจ้าเพียรบอกกับสวรรค์ว่าไม่อยากทำหน้าที่ ให้ใครคนอื่นเป็นเถิด สวรรค์ก็ไม่ยอมรับคำขอนี้ จวบจนทุกวันนี้  หลายครั้งข้าพเจ้านึกฉงนในใจ เหตุใดท่านพี่(องค์ยูไล) สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกองค์อยู่กับข้าพเจ้า แต่ทำไมสิ่งเหล่านี้กลับเกิดขึ้นกับข้าพเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า  ท่านพี่ได้แต่บอกเสมอว่า โดยข้อตกลงจากทางสวรรค์เพื่อให้สภาสวรรค์อนุญาตให้ท่านพี่มาอยู่กับข้าพเจ้าได้นั้น ก่อนที่ข้าพเจ้าจะเห็นและสัมผัสท่านพี่ได้ อำนาจของท่านพี่ย่อมมีไม่มาก ได้เพียงปกป้องให้ข้าพเจ้ารอดพ้นภัยได้เท่านั้น




ภาพตัวอย่างจาก อินเทอร์เน็ต ลักษณะเส้นผมและปลายผมที่สไลด์เล็กน้อย บีบรัดคอข้าพเจ้าคล้ายๆ แบบนี้ เป็นระเบียบ ไม่มีความยุ่งเหยิง ผมหนาตรง



ตาทิพย์ข้าพเจ้าเวลานี้เป็นรูปดอกบัว ถ่ายหลังตะวันตกดิน


วันศุกร์ที่ 28  เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2559 
    ค่ำคืนที่ผ่านมาข้าพเจ้าได้เปิดไฟห้อง และกำลังจะทาวาสลินบนใบหน้า เพื่อให้ผิวหน้ามีความชุ่มชื่นบ้าง หลังจากที่ 2-3 วันมานี้ได้มีอาการบวม แดง คัน อีกครั้ง  เพื่อมองกระจกเห็นตาทิพย์ตนเองเป็นลักษณะบุ๋มลึกกว่าครั้งก่อนที่ผ่านมา ลักษณะคล้ายดอกบัวตูม จึงได้ถ่ายภาพไว้ อีกคงไม่นานตาทิพย์คงเสร็จสมบูรณ์



ภาพถ่ายดวงตาทิพย์ของข้าพเจ้าในเวลานี้ คล้ายดอกบัวตูม


 

การล่วงรู้อดีตชาติของสรรพสัตว์

      

วันศุกร์ที่ 28  เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2559 

        วันนี้เวลาประมาณ เที่ยงครึ่ง ขณะนั่งถักผ้าพันอยู่นั้น ได้ยินเสียงเด็กวัยรุ่น 2 คนกำลังคุยกันตรงข้ามคานคลองหลังห้องพัก  ปรากฏเสียงที่ได้ยินนั้นไม่ใช่เสียงคุยกันของมนุษย์ แต่เป็นเสียงของนก และเสียงของวัว ที่คุยกัน จึงทำให้รู้ได้ว่าอดีตชาติของเด็กทั้ง 2 คนนั้น คนหนึ่งเกิดเป็นนก  อีกคนเกิดเป็นวัว การล่วงรู้อดีตชาติของสรรพสัตว์ทั้งหลายนั้นข้าพเจ้าจะได้รู้จากจิตที่เห็น จากตาที่เห็น จากเสียงที่ได้ยิน หรือจากการสัมผัสก็ได้



เหล่าอสูร ออกตามล่าข้าพเจ้า

วันพฤหัสบดีที่ 24 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

     เช้านี้เวลา 04.30 ขณะกำลังลืมตาตื่นนอน ได้เห็นประตูห้องปิดเสียงดัง “ปั้ง” ดังสนั่นมาก พร้อมทั้งมีแสดงสว่างสีขาวรอบ ๆ ประตูห้อง  เพื่อให้รู้ว่ากำลังมีบางสิ่งเกิดขึ้น

      ข้าพเจ้านอนอยู่บนที่นอนในขณะที่ลืมตามองไปรอบ ๆ ห้อง มีได้เปิดประตูหลังไว้ และเปิดไฟหลังห้องให้มีแสงไฟสลัว ๆ  นั้น

       ได้เห็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทหาร องค์รักษ์เทพ ต่างสร้างม่านกำบัง และยืนคุ้มกันรอบ ๆ ห้องข้าพเจ้า ในขณะที่ข้าพเจ้าเห็นว่า มีหัวหน้าอสูร พร้อมบริวารอีกราวหลายพันตน ได้เหาะวนรอบ ๆ ห้องและตึกที่ข้าพเจ้าเช่าอยู่ เพื่อค้นหาตัวข้าพเจ้า แต่ทว่า หาไม่พบ ไม่เห็นแม้แต่ประตูห้องข้าพเจ้า เพราะทุกองค์ต่างยืนกำบังและคุ้มกันไว้  เมื่อเหล่าอสูรควานหารอบตึกแล้วไม่พบข้าพเจ้า จึงได้ไปหายังที่อื่นต่อ

       หัวหน้าอสูรนี้เป็นชาย ใบหน้าเป็นคนแต่มีเขา 2 เขา รูปร่างสูงใหญ่มหึมา มีเขี้ยวลากยาว 2 ข้าง  ซึ่งข้าพเจ้าได้เห็นใบหน้านี้อย่างชัดเจน ก่อนที่จะเหาะผ่านข้าพเจ้าไป หัวหน้าอสูรแม้จะไม่เห็นข้าพเจ้า แต่ก็ได้เข้ามายังในห้อง และใช้นิ้วมือที่มีเล็บที่แหลมคมไล่ตะปบไปทั่งห้อง และได้ปล่อยละอองพิษกระจายรอบห้อง  ทั้งนี้ข้าพเจ้าจึงโดนเล็บข่วนที่ใบหน้า และโดนพิษละอองทำร้ายเล็กน้อย ก่อนที่ทั้งหมดจะเหาะจากไป
 
           หลังจากนั้นข้าพเจ้าก็ได้ตื่นนอนขึ้นมาคุยกับทุกองค์  และได้เห็นว่าดวงตาซ้ายตั้งแต่บริเวณหางคิ้วไปถึงแก้มด้านซ้าย มีอาการบวมแดงขึ้นมา โดยไม่ทราบสาเหตุ เจ็บเหมือนถูกตัวต่อต่อย แต่ไม่คัน คาดว่าคงเป็นอิทธิพลละอองของอสูรที่หลงเข้ามากระทบข้าพเจ้าเล็กน้อย

      ท่านพี่บอกว่า เหล่าอสูรรู้ว่าระบบข้าพเจ้าสมบูรณ์แล้ว หากเมื่อใดที่ข้าพเจ้ามีบุตรกับท่านพี่อย่างแท้จริงแล้ว จะไม่มีอสูรตนใดเอาชนะข้าพเจ้าได้อีก และเมื่อถึงเวลาที่ต้องทำสงคราม พลังข้าพเจ้าก็พร้อมที่จะนำทัพนำสงครามกับเหล่าอสูรได้ ซึ่งก็คงไม่นานนัก เมื่อประตูทั้ง 3 บานได้เปิดออก      พร้อม ๆ กันในวันที่เกิดมหาภัยพิบัตินั้น

        หากในเวลานี้เหล่าอสูรกำจัดข้าพเจ้าได้ คงไม่มีใครสามารถช่วยเหลือมนุษยชาติที่เหลือในเวลาที่จะมาถึงนั้น  นั่นสวรรค์คงไม่สามารถให้เกิดได้ จึงได้พยายามปกป้องข้าพเจ้าในเวลานี้





ภาพถ่ายห้องที่ข้าพเจ้าเช่าอยู่ในระหว่างนี้และภาพเหล่าอสูรกายตัวอย่างจาก internet ทุกคืนข้าพเจ้าจะเปิดไฟมุมหลังห้อง ตรงหน้าประตูห้องน้ำเป็นหลอดไฟนีออน เพื่อให้ห้องมีความสว่าง ให้มีสติเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างได้ตลอดเวลา และเพื่อป้องกันมิจฉาชีพที่อาจจะเข้ามาทางด้านหลังประตูได้



ภาพประตูด้านหน้าปิดเสียงดังสนั่น และมีแสงสีขาวปรากฏรอบ ๆ ประตูสีเขียว ให้รู้ว่ามีเหตุการณ์บางอย่างกำลังเกิดขึ้น




ภาพใบหน้าโดนเล็บข่วน ส่วนลำคอและทรวงอก โดนละอองพิษ ที่ ให้รู้สึกเจ็บมากโดยเฉพาะบริเวณหางตาจะเจ็บมากหน่อย




       ภาพหัวหน้าอสูรกายคล้ายๆ ภาพตัวอย่างจาก internet แต่สามารถเนรมิตกายเป็นเหมือนมนุษย์ได้คล้ายดั่งตัวอย่างภาพด้านขวา  และภาพตัวอย่างด้านล่าง เป็นภาพที่เหมือนมาก เมื่ออสูรกายเนรมิตกายเป็นมนุษย์ซึ่งจะมีรูปหน้าที่หล่อเหลา คมเข้ม ดั่งที่ข้าพเจ้าได้เห็นมาตลอด

        หัวหน้าอสูรกาย และเหล่าสมุนทั้งหลายราวกับกองทัพขนาดใหญ่ เวลานี้ได้อาศัยอยู่บนผืนแผ่นดินโลกมนุษย์นี้ และได้สร้างฐานทัพ ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ (ไม่สามารถบันทึกได้ในที่นี้) กำลังระดมพล ฝึกพล เพื่อรอวันทำสงครามกับข้าพเจ้าและทวยเทพทั้งหลาย

       ผู้คนทั้งหลายบนโลกนี้ จะสามารถเห็นภูตผี วิญญาณ อสูรกายได้ เมื่อวันนั้นมาถึง ผู้ใดสั่งสมบุญ กระทำแต่สิ่งที่ดี อยู่ในศีลในธรรม ก็รอดได้ หาไม่แล้วก็สุดแล้วแต่กรรม

        ที่ผ่านมา อาม่า เป็นเพียงผู้เดียวที่รับรู้ได้ในทุกเรื่องราวที่เกิดกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้ามักจะเล่าให้อาม่า และอากงฟังเสมอในทุกค่ำคืน อาม่าจะเป็นผู้ที่สัมผัสได้ในบางสิ่งมากที่สุดในบ้าน แต่ในเวลานี้ข้าพเจ้าไม่อาจที่จะเล่าให้ใครในบ้านฟังได้ เพราะเกรงว่าคนที่บ้านนั้นจะไม่ปลอดภัย และคงเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ยาก คงมีเพียงพีสหายบางท่านเท่านั้นที่รับฟังได้ เนื่องจากสามารถเห็นและสัมผัสในสิ่งเหล่านี้ได้เช่นเดียวกัน และคงได้แต่บันทึกไว้ รอวันปรากฎแก่สายตาผู้คนโดยทั่วกันเท่านั้น




ตัวอักษรภาษาเทพ ถักเสื้อกันหนาวให้พระแม่และอาม่า

   
วันอาทิตย์ที่ 25 เดือน ธันวาคม พุทธศักราช 2559

    เช้ามืดวันนี้ ก่อนตื่นนอนในเวลาตี 03.00 น.  พี่โสธรบอกว่าข้าพเจ้าเขียนตัวอักษรภาษาเทพได้แล้วนะ ไม่เชื่อลองขึ้นมาเขียนดูสิ ลองเขียนชื่อพี่ดู   ข้าพเจ้าจึงได้ลุกขึ้นมาเขียนชื่อพี่โสธร เป็นภาษาเทพในภาพวาดเหมือนภาพใหม่ของพี่โสธร ซึ่งวาดเสร็จเมื่อวานนี้  สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกองค์ปิติยินดีมาก ที่ข้าพเจ้าเขียนภาษาเทพได้ในวันนี้  พี่โสธรบอกว่าเขียนได้ถูกต้องแล้ว



ตัวอย่างภาษาเทพ หลวงพ่อโสธร



ภาพวาดเหมือนหลวงพ่อโสธร 

และเมื่อไม่นานมานี้ข้าพเจ้าได้ถักเสื้อกันหนาวถวายให้พระแม่และอาม่า สำหรับใส่หน้าหนาวในปีนี้



เสื้อกันหนาวจำนวน 2 ตัว




นั่งฟังนก ปลาสนทนา


วันอาทิตย์ที่ 31 เดือน มกราคม พุทธศักราช 2560

    วันนี้เป็นวันหยุด ขณะกำลังนั่งทานอาหารเช้า ได้ยินเสียง นก 2 ตัวกำลังสนทนากันอยู่ที่ระเบียงห้องข้าพเจ้า นกตัวหนึ่งเสียงแหลม เล็ก พูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเร็วว่า “เมื่อกี้ไม่รู้กินอะไรเข้าไป เค็มชิบหาย”  อีกตัวตอบด้วยเสียงที่ทุ้มกว่าว่า “เอ ไม่รู้เหมือนกันนะ” ข้าพเจ้าก็ได้แต่นั่งฟัง และขำขันอยู่คนเดียว สงสัยกินอาหารที่ข้าพเจ้าทำไป เพราะรอบนี้เผลอเทเกลือลงไปประมาณหนึ่งช้อนโต๊ะ พูน ๆ เห็นจะได้ ซึ่งมันเค็มมาก



    ในวันพุธที่ 1 เดือน กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2560

    เช้านี้ได้นั่งดูปลา และลูกปลาหางนกยูง ปลาสอด ที่เพิ่งซื้อมาเลี้ยงในถังพลาสติก มีลูกปลากว่า 100 ตัวอย่างเพลิดเพลิน และได้ทำการเปลี่ยนต้น กก ราชินี ใส่ในถังพลาสติกแทน ทำให้น้ำในถังขุ่นมัว และมีการกระเพื่อมเล็กน้อย ภายหลังจากจัดวางกระถางเสร็จ ได้ยินเหล่าปลามากมายต่างสนทนากันว่า “ตะกี้เกิดอะไรขึ้นอะ เหมือนแผ่นดินไหวเลย เกือบไปแระ  เกือบไม่รอดแหน่ะ  นั่นสิ  มันเกิดอะไรขึ้น เด็ก ๆ ปลอดภัยกันดีหรือเปล่า  โชคดีเราอยู่อีกฝั่ง เลยไม่โดนมาก  มีบางตัวบาดเจ็บกันไหม…. ต่างว่ายไปมา ถามหาเหตุ สนทนากันอย่างตื่นเต้น   ข้าพเจ้าก็ได้แต่นั่งฟังอย่างเพลิน ๆ “



ภาพปลา และผักที่ปลูก และเลี้ยงไว้

ทำพิธีปลุกสารพัดม็อบ ปลุกภัยพิบัติ และคลายอาถรรพ์บ้านเมือง



วันเสาร์ที่ 11  เดือน กุมภาพันธ์  พ.ศ. 2560

    วันนี้วันมาฆบูชา องค์กิ้วอ้วงให้ข้าพเจ้าทำพิธีสวดคาถาคลายอาถรรพ์บ้านเมืองซึ่งมีกลุ่มคนมากมายได้ทำพิธีเไว้ สวดคาถาปลุกม็อบต่าง ๆ  ปลุกภัยพิบัติทุกอย่าง พร้อมทั้งปลุกมหาภัยพิบัติ  ให้เกิดขึ้นในเร็ววันนี้


ทำพิธีเปิดประตูทั้ง 3 ภพ เปิดดวงตาแห่งสวรรค์

วันเสาร์ที่ 25  เดือน กุมภาพันธ์  พ.ศ. 2560

    วันนี้องค์กิ้วอ้วงให้ข้าพเจ้าทำพิธีสวดคาถาปลุกประตูทั้ง 3 ภพ  เปิดดวงตาแห่งสวรรค์ในตัวข้าพเจ้าทั้งที่กลางระหว่างคิ้ว และกลางฝ่ามือ  พร้อมทั้งสวดคาถาหลวงปู่  ขอขมาพระรัตนตรัย คาถาพระจักรพรรดิเปิดโลก  บทสวดพระคาถามหาจักรพรรดิ  สมาทานศีล 5   คาถาบูชาดวงชะตา  คาถาบารมี 30 ทัศ  คาถาเบิกเนตร ขอบารมีจากองค์กิ้วอ้วงฮุกโจ้ว (พระยูไล)  คำไหว้พระธาตุรวม  พระถาคามงกุฎพระพุทธเจ้า คาถาแก้กันพระราหูเสวยอายุ  คาถาส่งดวงวิญญาณ  คาถาซ่อนกาย คาถากันภยันตราย และ พระคาถา 9 เฮ

      นับจากนี้ไป อะไรก็เกิดขึ้นได้สำหรับประเทศไทย และมนุษยชาติบนโลกใบนี้  สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม  การคัดสรรมนุษย์ของเบื้องบนและเบื้องล่าง จะเริ่มตั้งแต่บัดนี้




เตรียมรับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิต       และจัดทำคลิปบทสวดมนต์พระแม่กวนอิม


วันศุกร์ที่ 6  เดือน พฤษภามคม  พ.ศ. 2560

    จำได้เมื่อหลายปีที่ผ่านมา องค์พระยูไลได้มาบอกแก่ข้าพเจ้าว่า อีก 7 ปีต่อจากนี้ ชีวิตจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ  ซึ่งในเวลานี้ก็จวนถึงเวลาที่กำหนดแล้ว ซึ่งข้าพเจ้าเองก็ไม่แน่ใจ ในวันเวลาที่แน่ชัด แต่ทั้งนี้ ท่านพี่ได้บอกให้ข้าพเจ้าเตรียมตัวกลับไปอยู่ที่เชียงใหม่  อีกทั้งบุคคลที่ท่านพี่ต้องการจากในคณะเทคโนโลยีสารสนเทศนี้ ท่านพี่ได้พิจารณาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    การกลับไปคราวนี้ให้เตรียมพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิตที่กำลังจะมีขึ้น อีกทั้งให้ข้าพเจ้าจัดทำคลิปบทสวดมนต์พระแม่กวนอิม โดยให้นำภาพวาดสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ข้าพเจ้าได้วาดไว้เมื่อหลายปีก่อน รวมถึงภาพวาดลายเส้นปากกา ให้นำมาจัดทำเป็นพื้นหลังบทสวดในคราวนี้ ยกเว้นภาพบางภาพ ไม่ต้องนำแสดงในที่นี้  ให้ทำการลบชื่อของทุกองค์ที่เขียนไว้ในภาพ และเผยแพร่สู่สาธารณชน โดยทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งเป็นภารกิจอย่างหนึ่งที่จะต้องเร่งทำ



ถึงเวลาขายบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านสิริโฮม 2


วันพฤหัสบดีที่  15  เดือน มิถุนายน  พ.ศ. 2560
    วันนี้เดินทางกลับเชียงใหม่ เพื่อไปทำสัญญาขายบ้านเลขที่ 97/26 หมู่บ้านสิรินโฮม 2 ต.สันกลางใต้ อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ตามที่เบื้องบนกำหนด และให้เตรียมกลับเชียงใหม่ เนื่องจากภารกิจของท่านพี่ที่นี่เสร็จเรียบร้อยแล้ว



อัญเชิญองค์พระพิฆเนศ


วันศุกร์ที่ 7   เดือน กรกฎาคม  พ.ศ. 2560
    วันก่อนข้าพเจ้าได้คุยเรื่องการเช่าองค์พระพิฆเนศมาบูชา  ข้าพเจ้าได้ลองค้นหาองค์พระพิฆเนศจากทาง website ก็ได้พบกับ facebook หนึ่งซึ่งมีองค์พระพิฆเนศปางที่ข้าพเจ้ารอคอย และหามานาน ซึ่งปางนี้ได้อยู่กับข้าพเจ้าที่บ้านร่วมกับทุกองค์ เมื่อหลายปีก่อน  และในวันนี้องค์กิ้วอ้วงให้ข้าพเจ้าเชิญองค์พระพิฆเนศมาประทับด้วย  และให้เรียกว่า ลูกคเนศ   ปางนี้เป็นปางแรกสุด อายุน้อยสุด องค์เล็กสุดเป็นปางเด็ก ๆ แต่มีอิทธิฤทธิ์ และพลานุภาพมากที่สุด  และเป็นปาง มหาเศรษฐี




ภาพตัวอย่างองค์พระพิฆเนศปางที่อยู่กับข้าพเจ้า

    และองค์ท่านได้ให้ข้าพเจ้านำสร้อยประคำทั้งสร้อยแขนและสร้อยคอ คล้องไว้ที่กายและแขนพระองค์ท่านจนกว่าจะถึงวันเกิดของข้าพเจ้าที่จะมาถึงนี้  เพื่อที่จะได้ร่ายมนต์คาถายังความศักดิ์สิทธิ์ให้กับสร้อยประคำข้าพเจ้ามากยิ่งขึ้น



ความสัมพันธ์ขององค์พระพิฆเนศ องค์พระแม่ศรีอารีย์          พระสยามเทวาธิราช ข้าพเจ้า และองค์มหาเทพทั้ง 16 องค์


วันจันทร์ที่ 10   เดือน กรกฎาคม  พ.ศ. 2560
    วันนี้ ลูกคเนศ ได้ให้ข้าพเจ้าได้รู้เรื่องราวบางอย่างเพิ่มเติมดังนี้

•    องค์พระพิฆเนศ แท้จริงแล้วเป็นบุตรของข้าพเจ้า  กับท่านพี่ทั้ง 9 องค์ ตั้งแต่ครั้งกาลก่อน ภายหลังจากข้าพเจ้าลงมา พระแม่อุมาเทวี และพระศิวะจึงดูแลแทน (ดูแลจนกลายเป็นหน้าคชสารไปเสีย แต่ก็น่ารักถูกใจข้าพเจ้า)
•    องค์พระแม่ศรีอารีย์ อยู่ในร่างของข้าพเจ้าในภพนี้ เป็นองค์ผู้หญิง เป็นบุตรสาวขององค์พระสยามเทวาธิราช
•    องค์พระสยามเทวาธิราชเป็นพี่ชายขององค์พระสุเมธะสัมมาสัมพุทธเจ้า   พระสุเมธะสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นลุงขององค์พระแม่ศรีอารีย์
•    ข้าพเจ้า เป็นน้องสะใภ้ขององค์พระแม่ศรีอารีย์
•    องค์พระแม่ศรีอารีย์ เป็นภรรยา ขององค์มหาเทพสูงสุดผู้เป็นพี่ชาย




องค์กิ้วอ้วงทำดวงตาทิพย์ให้เสร็จสมบูรณ์ เป็นรูปดอกบัว    ดวงตาทิพย์ข้าพเจ้าเวลานี้มีทั้งสิ้น 4 ดวง


วันจันทร์ที่ 10   เดือน กรกฎาคม  พ.ศ. 2560

    วันนี้ ท่านพี่ยังคงทำตาทิพย์ให้ข้าพเจ้า ซึ่งยังไม่เสร็จสมบูรณ์  ทั้งนี้ข้าพเจ้าสามารถเห็นตาทิพย์ตนเองได้ในลักษณะที่เป็นดอกบัว  เวลานี้มีจำนวนทั้งสิ้น 4 ดวงตา รวมทั้งดวงตาที่กลางฝ่ามือด้านขวา
ดวงที่ 1 อยู่ระหว่างหัวคิ้ว จะเป็นสีแดงอมชมพู (สะท้อนแสงในยามราตรีกาล) อยู่ภายใต้คล้ายกับกลีบดอกบัว มีหน้าที่สำหรับดูความเป็นไปทั้ง 3 ภพ ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต  
ดวงที่ 2  จะใหญ่กว่า เท่ากับเหรียญ 25 สตางค์ จะเป็นสีเงิน (สะท้อนแสงในยามราตรีกาล)    สำหรับดวงตาทิพย์ดวงที่สองนี้ ใช้สำหรับปราบอสูรกาย
ดวงที่ 3  ดวงที่ครอบดวงตาทั้งดวงที่ 1 และ 2  และจะมีจุดคล้ายกับ ขี้แมลงวันปรากฏอยู่ ใช้สำหรับเปิดประตูทั้ง 3 ภพ  
ดวงที่ 4  อยู่กลางฝ่ามือด้านขวามือของข้าพเจ้า ใช้สำหรับเป็นต้นกำเนิดของพลังงานในร่างกายและ ปล่อยไฟโลกันฑ์
สำหรับดวงที่ 3,4 เป็นดวงตาทิพย์ที่ไม่ค่อยได้เปิดใช้บ่อยนัก เนื่องจากเป็นทางออกประตูทั้ง 3 ภพ และทางเปิดของสรรพอาวุธ






ภาพตัวอย่างตาทิพย์ข้าพเจ้าบนใบหน้า และดวงตาซ้ายด้านล่างขอบหางตาจะมีติ่งตาเล็ก ๆ สัญลักษณ์ประจำตัว และฝ่ามือด้านขวา  วาดเป็นสัญลักษณ์ให้ดูเป็นตัวอย่าง  เนื่องด้วยตาทิพย์เวลานี้ยังแสดงไม่ชัดเจนนัก





ภาพตัวอย่างมือข้าพเจ้า






สัญลักษณ์บนใบหน้าข้าพเจ้า มีติ่งตาข้างซ้าย



ภาพตัวอย่างสำหรับดวงตาทิพย์สิ่งศักดิ์สิทธิ์มหาเทพทุกองค์ จะมีลักษณะเหมือนกันมี 3 ดวงบนหน้ากลางหน้าผาก



ภาพตัวอย่างองค์พระสยามเทวาธิราช



พบบุคคลที่ตามหา บริวารเอกข้าพเจ้า


วันศุกร์ที่   21    เดือน กรกฎาคม  พ.ศ. 2560
    ตั้งแต่ข้าพเจ้ากลับมาทำงานที่คณะฯ  นอกจากท่านพี่ทำงานแล้ว  ข้าพเจ้ายังต้องสรรหาบุคคลที่จะมาช่วยข้าพเจ้าปราบเหล่าอสูรในภายหน้า   ข้าพเจ้าได้รู้จักกับนักศึกษาฝึกงานคนหนึ่ง เป็นเด็กที่นิสัยดี อัธยาศัยน่ารัก เข้มแข็ง จิตใจแข็งแกร่ง  จิตวางได้เร็ว เมื่อคบหาได้ปีกว่า ข้าพเจ้าจึงได้รู้ว่า แท้จริงแล้วเด็กคนนี้คือบริวารเอกมือขวาของข้าพเจ้าเมื่อครั้งที่ข้าพเจ้าอยู่สรวงสวรรค์ คอยช่วยข้าพเจ้าทำการปราบเหล่าอสูร และการงานทั่วไป เป็นบริวารที่ซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อข้าพเจ้าเสมอ ก่อนที่ข้าพเจ้าจะหนีลงมาจุติ ข้าพเจ้าได้เก็บจิต เก็บอดีตทุกอย่าง  หลังจากข้าพเจ้าลงมา บริวารนี้ได้ติดตามลงมาด้วย  

    เมื่อไม่วันมานี้ เด็กคนนี้ได้เล่าให้ฟังว่า ขณะตี 4 ก่อนจะเข้านอน ได้เห็นข้าพเจ้าและข้าพเจ้าได้พูดคุยด้วย 2-3 ประโยคอย่างชัดเจน จากนั้นภาพก็หายไป  ซึ่งข้าพเจ้าได้ถอดจิตไปหาเด็กคนนี้ และได้เปิดตาทิพย์ให้เด็กคนนี้ ช่วยให้สามารถเห็นอสูรกายได้

        เด็กคนนี้ได้บอกกับข้าพเจ้าว่าได้เห็น เหมือนเปรตแต่มีปีกบินได้ ล่องลอยไปมาพริ้วดังสายลม เหมือนว่าจะคอยสังเกตการณ์อะไรบางอย่าง (ขอไม่บอกสถานที่ในที่นี้ เนื่องด้วยเกรงว่าจะเป็นที่หวาดกลัวของผู้คนทั่วไปได้)  ข้าพเจ้าจึงได้เล่าเรื่องราว  ต่าง ๆ ให้ฟัง ทั้งอดีตชาติบางส่วน ทั้งเรื่องราวอสูร และเรื่องราวของข้าพเจ้า

        นอกจากคนในครอบครัวแล้วเวลานี้มีเพียงเด็กคนนี้เท่านี้ที่ท่านพี่ให้บอกเรื่องราวของข้าพเจ้าได้บางส่วน เด็กคนนี้ปัจจุบันเก่งทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ  เป็นโปรแกรมเมอร์  จากนี้ไปยังคงต้องฝึกจิตบริวารคนนี้ไปอีกสักพัก เพื่อให้สามารถต่อกรกับเหล่าอสูร และช่วยเหลืองานบางอย่างของข้าพได้

    อดีตชาตินั้นเด็กคนนี้เคยเป็นบริวารเอกขององค์พญานาคีมาก่อน เป็นบริวารที่เก่งมาก พญานาค และพญานาคี เป็นพี่สาวและพี่ชายบุญธรรมที่น่ารักของข้าพเจ้า  และบริวารเอกของพญานาคีนี้สนิทสนมกับข้าพเจ้าอย่างมาก ได้ติดตามข้าพเจ้าไปทำงานต่าง ๆ ตลอด  ท้ายสุดข้าพจึงได้ช่วยให้หลุดพ้นจากความเป็นพญานาคและมาติดตามข้าพเจ้าแทน

     เมื่อครั้งในอดีตที่ข้าพเจ้าได้เคยทำสงครามกับมหาซาตาน บริวารเอกคนนี้ได้ปกป้องข้าพเจ้าด้วยชีวิต และข้าพเจ้าได้ชุบชีวิตให้ใหม่อีกครั้งและได้ให้เป็นเทพ เป็นบริวารเอกของข้าพเจ้านับแต่นั้นเป็นต้นมา บัดนี้บริวารนี้ได้ลงมาจุติพร้อมทำหน้าที่บางอย่างตามที่ข้าพเจ้าได้กำหนดเอาไว้จนกว่าจะสิ้นสุดชาติภพ หากข้าพเจ้าไม่ลงมาจุติแล้ว บริวารนี้ย่อมไม่ต้องลงมาจุติด้วย

   
    ข้าพเจ้าได้มีบริวารมากมายที่ลงมาจุติในชาติภพนี้ เพื่อลงมาช่วยเหลือข้าพเจ้า ดังนั้นข้าพเจ้ายังคงต้องสืบหาต่อให้ครบทั้งหมด ในขณะนี้มีบริวารที่สามารถปราบเหล่าอสูรได้ และได้พบแล้วจำนวน 5 คน  ขอไม่เอ่ยนามในที่นี้

      เนื่องด้วยบริวารเหล่านี้เลือกที่จะไม่ทำหน้าที่ได้ ข้าพเจ้าจึงยังมิได้บอกเล่าสิ่งใด ๆ


สำหรับดวงตาทิพย์ที่ข้าพเจ้าได้ทำให้บริวารนี้ตั้งแต่อยู่สรวงสวรรค์ จะเป็นรูปกลีบดอกบัว 1 กลีบ



       

เริ่มอัดคุณไสยอีกครั้ง เพื่อกำจัดข้าพเจ้า


วันเสาร์ที่ 22    เดือน กรกฎาคม  พ.ศ. 2560
    หลายวันมานี้ ข้าพเจ้ารู้ว่าก่อนจะเกิดจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในชีวิตใหญ่ครั้งนี้  ข้าพเจ้าต้องพบกรรมหนักจากเหล่าปีศาจทั้งหลาย ที่คิดทำลายข้าพเจ้ามาเนิ่นนาน โดยการอาศัยจิตของมนุษย์ที่มีแต่อกุศลจิต เข้าครอบงำจิต เพื่ออาศัยเป็นเครื่องมือในการทำร้ายข้าพเจ้า เนื่องด้วยเป็นโอกาสสุดท้ายที่เหล่าปีศาจจะทำได้  ตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีของคุณไสยต่าง ๆ พยายามที่จะเลื้อยเข้าสู๋ร่างกายข้าพเจ้าทางผิวหนัง จมูก ช่องปากให้ได้ แต่พอเข้าใกล้ข้าพเจ้าก็มีสภาพไหม้เกรียม

    เช้ามืดวันนี้ข้าพเจ้าตื่นตอนตี 2 เป็นเวลาปกติทุกคืนจนกระทั่งเช้า  เนื่องด้วยวันนี้เป็นวันหยุด ข้าพเจ้ารู้สึกร่างกายอ่อนล้า จึงได้นอนหลับไปในเวลาเกือบ 6 โมงเช้า รู้ว่าได้มีการปล่อยของใส่ข้าพเจ้า ครั้งนี้เป็นตะขาบสีเลือดหมูเข้มถึงดำ มีบางปล้องเป็นสีแดง ขาไม่ยาวเหมือนตะขาบทั่วไป ลักษณะขาจะเหมือนกิ้งกือ  ลำตัวยาวประมาณ 7 นิ้ว ได้เข้าไปในลำคอข้าพเจ้า อยู่ที่ลำคอไม่สามารถเข้าไปภายในร่างกายได้ในช่วงเวลาที่ข้าพเจ้าเผลอหลับไป ข้าพเจ้าได้สติรู้ว่ามีคุณไสยในลำคอ จึงไม่ยอมลืมตาตื่น ได้ทำการฉีดน้ำในกายทิพย์ และอาเจียนออกมา จนกระทั่งเห็นว่าออกมาได้ประมาณ 5 นิ้วจากช่องปาก จึงได้ทำการกระชากและดึงทิ้ง จากนั้นจึงลืมตาตื่นนอนในเวลา 6.30 น.

    การทำตะขาบใส่รอบนี้ไม่ได้หวังเพื่อปลิดชีพ แต่มหาซาตานต้องการข้าพเจ้าไปเป็นทาสรับใช้ ซึ่งครั้งนี้ทำไม่สำเร็จ  ข้าพเจ้าได้ทำน้ำมนต์อาบในตอนเช้าเพื่อให้ร่างกายสดชื่น แต่ยังคงรู้สึกถึงกากของตะขาบบางส่วนที่ยังคงอยู่ในลำคอ แต่ไม่ได้มีผลอะไรต่อร่างกายและจิตใจได้

    หากข้าพเจ้าไม่ต้องลงมาทำหน้าที่ ก็คงไม่ต้องพบพานสิ่งเหล่านี้ตลอด  แต่ก็คงไม่มีใครปราบเหล่าปีศาจ อสูรร้ายทั้งหลายที่ได้ตั้งกองทัพอยู่ในภพมนุษย์ในเวลานี้ได้

    หลายต่อหลายครั้งที่ได้วิงวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอให้ผู้อื่นมากระทำหน้าที่นี้แทน ข้าพเจ้าอยากเป็นอิสระ อยากมีชีวิตดั่งมนุษย์ทั่ว ๆ ไป ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข แต่ก็ไม่เคยสมหวังในสิ่งที่ขอไว้






ภาพตัวอย่างตะขาบยักษ์ที่เข้าสู่ลำคอข้าพเจ้า หวังจะเข้ายึดครองร่างนี้และให้ข้าพเจ้าไปเป็นทาสรับใช้ เนื่องด้วยข้าพเจ้ามีอิทธิฤทฺธิ์มากมาย และสามารถกำจัดมหาซาตานในภายหน้าได้



อัดคุณไสยรอบสอง


วันศุกร์ที่ 4    เดือน สิงหาคม  พ.ศ. 2560

    เช้ามืดวันนี้ก่อนตื่นนอนเวลา 03.00 น. ได้มีนิมิตเห็นเหตุการณ์ข้าพเจ้าไปกับพระธุดงค์หลายรูปในป่าแห่งหนึ่ง พื้นเขียวขจีด้วยหญ้าที่เหมือนได้รับการดูแล ตัดอย่างดี มีต้นไม้ใหญ่เรียงกัน มีร่มเงาและอากาศที่สบาย เหมาะแก่การนั่งทำสมาธิอย่างมาก

       ทันใดนั้นได้มีหญิงสาวผู้หนึ่งต้องการซื้อของชิ้นหนึ่งจากชายคนหนึ่งที่นำมาขายด้วยราคาที่สูง หญิงผู้นั้นไม่รับ แต่ให้ข้าพเจ้าซื้อแทนในราคาที่ถูกกว่า ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจซื้อของชิ้นนั้น และรับมากับมือ

       ขณะนั้น มีพระรูปหนึ่ง ได้ทำหน้าตกใจอย่างมากที่เห็นข้าพเจ้ารับของ และได้รีบท่องคาถาเป่ามนต์ให้ข้าพเจ้า และของที่ข้าพเจ้ารับไว้อย่างรวดเร็วจำนวน 3 ครั้ง และได้หันไปคุยกับพระอีกรูปว่า “ทันไหม  ปลอดภัยไหม”  อีกรูปบอกว่า “ทัน” ปลอดภัยดี

       และข้าพเจ้าได้เห็นว่าของนั้นได้ถูกส่งกลับคืนไปยังหญิงสาวผู้นั้น  ซึ่งของคุณไสย์รอบนี้หวังให้ข้าพเจ้าเสียสติ  และของเหล่านี้ได้ถูกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ส่งกลับคืนไปยังคนทำเรียบร้อยแล้ว ให้ข้าพเจ้ารอดูผลสะท้อนกลับของคนที่กระทำต่อข้าพเจ้า  พระหลายรูปนั้นคือ ท่านพี่ องค์กิ้วอ้วง พี่ฮุกโจ้ว และอีกหลายองค์ ต่างอยู่ข้างกายข้าพเจ้าตลอดเวลาในเวลานี้ เพื่อปกป้องคุ้มครองให้ข้าพเจ้าปลอดภัย


สร้างสมบารมีครบถ้วนตามที่สวรรค์กำหนด



วันอังคารที่ 15    เดือน สิงหาคม  พ.ศ. 2560

    เช้ามืดวันนี้ก่อนตื่นนอนเวลา 05.00 น. ได้มีนิมิตเห็นว่าข้าพเจ้ากำลังถ่ายมูลอุจจาระ ซึ่งอุจจาระนั้นเป็นลักษณะก้อน ๆ ห่อหุ้มไปด้วยแป้งกรอบ คล้ายกับขนมชุปแป้งทอดขนาดกลมยาวรีพอประมาณหลายก้อน ไม่มีกลิ่นแต่อย่างใด ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังจะเก็บมูลของข้าพเจ้าใส่ถุงใสเพื่อนำไปทิ้ง ได้มีหญิงผู้หนึ่งเข้ามาหยิบใส่ถุงก้อนหนึ่งก่อน จากนั้นข้าพเจ้าจึงหยิบถาม ซึ่งขณะหยิบก้อนที่ 3 ก็มีเปื้อนมือบ้างเล็กน้อย  และขณะที่หยิบมูลนี้ได้ยินเสียงจากเบื้องบนได้กล่าวว่า  ในเวลานี้ข้าพเจ้าได้สร้างสมบารีถึงครบแล้วตามที่สวรรค์กำหนด จากนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของชีวิต ให้ข้าพเจ้าเตรียมโยกย้ายกลับเชียงใหม่  ซึ่งการโยกย้ายครั้งนี้รวมแล้วนับเป็นครั้งที่ 38 ในการโยกย้ายในชีวิตข้าพเจ้า ซึ่งองค์ท่านกล่าวว่าเป็นครั้งสุดท้ายของวิบากกรรมตัวข้าพเจ้าเอง นับจากนี้หากมีการโยกย้ายอีกจะเป็นจะเบื้องบนให้ย้ายและจะไม่ต้องรับวิบากกรรมใด ๆ อีก จะย้ายตามที่ท่านกำหนดให้ไปเท่านั้น

    ของคุณไสย์ใด ๆ จากนี้ไปจะสิ้นสุดลง ไม่มีการกระทำใด ๆ ต่อข้าพเจ้าได้อีก ผลแห่งกรรมของผู้กระทำจะถูกสะท้อนกลับไปยังผู้สั่งและผู้ทำทั้งหมด




ให้ใส่สร้อยประคำ


วันเสาร์ที่ 26   เดือน สิงหาคม  พ.ศ. 2560
    วันนี้องค์ท่านอยากให้ข้าพเจ้าใส่สร้อยประคำทั้ง 2 เส้น แต่เนื่องจากสร้อยประคำคอนั้นเส้นใหญ่ องค์ท่านจึงให้แบ่งลูกประคำออกมาทำเป็นสร้อยแขน เพื่อจะได้ใส่ตลอด ที่เหลือให้ร้อยเป็นสร้อยตามเดิมและพกติดกระเป๋าไว้




นิมิตเจดีย์เอียง พระพุทธรูปหลายองค์ล้มระเนระนาด


วันเสาร์ที่ 26   เดือน สิงหาคม  พ.ศ. 2560
    ก่อนตื่นนอนในเช้านี้ ได้มีนิมิตเห็นว่ากำลังจะไปเที่ยวที่ดอยสุเทพ  ขณะที่ขึ้นไปเห็นว่าเจดีย์ใหญ่สีทอง มีลักษณะเอียงเหมือนใกล้จะล้ม และเห็นพระพุทธรูปหลายปางล้มระเนระนาดหลายองค์ทั้งองค์ใหญ่ องค์เล็ก ข้าพเจ้าจึงไปจับองค์เล็กให้ตั้งขึ้นมาดั่งเดิม ซึ่งพระพุทธรูปและเจดีย์ไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด จากนั้นจึงออกจากนิมิตและตื่นนอน
    ในความหมายนี้ คือศาสนาพุทธกำลังจะถูกทำลาย แต่ไม่ว่าจะถูกทำลายด้วยมนุษย์ หรือภัยธรรมชาติ ที่สุดแล้ว ศาสนาจะยังอยู่คงตลอดไป




                                                                     อัดของอีกครั้ง อาม่าดึงของออกให้


วันศุกร์ที่ 15 เดือน กันยายน พ.ศ. 2560

     บ่ายวันนี้ประมาณ 16.30 ขณะที่กำลังนั่งทำงานอยู่นั้น ได้รู้สึกถึงอาการหน้าบวม แดง คันอย่างมาก จึงรีบกลับหอพัก และรีบทำน้ำมนต์ล้างหน้า  สักพักใบหน้าจึงหยุดบวม และอาการคันทุเลาลง แต่ใบหน้าทั้ง 2 ข้างยังคงแดงเหมือนหน้ากำลังจะไหม้   รอบนี้โดนอัดของมากมายทั้งตัวบุ้งแดงขนาดยาวเกือบฝ่ามือ

          เช้ามืดของอีกวัน  ขณะกำลังจะตื่นนอนในช่วงเกือบ 05.00 น. ได้เห็นว่าในตัวมีของคุณไสยเป็นลักษณะหนอนเส้นด้ายสีขาวมากมายเต็มไปทั้งตัว ตั้งแต่หัวจรดเท้า ขณะมองดูที่มือตนเอง เห็นหนอนเส้นด้ายตัวยาวบ้าง สั้นบ้าง อยู่บริเวณใต้ชั้นผิวหนังมากมาย 

         ข้าพเจ้ารู้สึกเบื่อ ไม่อยากถอนของอีกแล้ว ขณะที่กำลังวางเฉย อาม่าได้มาทำการดึงของคุณไสยออกให้  เมื่อดึงออกมาได้และโยนลงพื้น ก็เห็นว่าหนอนนั้นซึมเข้าไปในใต้ผิวดิน และพยายามจะกลับเข้าสู่ร่างข้าพเจ้าอีก  อาม่าจึงจับใส่กล่องพลาสติกและปิดฝาไว้อย่างหนาแน่น พร้อมกับไปดึงหนอนคุณไสยตัวนางพญาออกจากกลางหลังให้ ความยาวประมาณ 1.50 เมตรเห็นจะได้ เมื่อดึงออกจนหมด ข้าพเจ้าจึงตื่นนอน และเห็นว่า ใบหน้าจากที่บวมแดงนั้นได้หายเป็นปลิดทิ้ง  ไม่เหลือร่องรอย      ใด ๆ อีก



พบกับ ศรีสุทโธนาคราชสีคราม แห่งคำชะโนด


วันพฤหัสบดีที่ 21 เดือน กันยายน พ.ศ. 2560

     บ่ายวันนี้ได้ไปที่สวนคณะฯ ซึ่งในสัปดาห์นี้มีตลาดนัด ซึ่งมีประจำทุกเดือน  ข้าพเจ้าได้เดินไปยังร้านที่ขายพระเครื่อง  ซึ่งในเดือนที่ผ่านมาได้เช่าบูชา ลูกแก้วพญานาค สีน้ำเงินเข้ม สีเหลือง สีเขียวเข้มสีขาว และสีเขียวตองอ่อน ขณะที่นำลูกแก้วออกมาวางคู่กับองค์พญานาคและองค์พระพิฆเนศ ได้รู้สึกถึงพลังบางอย่างมากมายที่สะท้อนมาที่ตัวข้าพเจ้า  และในวันนี้ขณะที่เดินไปเที่ยวชมร้านเดิม ได้พบเห็นองค์พญานาคสีคราม  องค์ท่านให้เช่าบูชา  เมื่อเชิญประทับที่หิ้ง ได้รู้ถึงพลังมากมาย ความรู้สึกมากมายที่ผูกพันกันมาในอดีตอันเนิ่นนาน

    นาคราชสีคราม มีชื่อว่า องค์ศรีสุทโธนาคราช แต่ข้าพเจ้าชอบเรียกว่า “วิสุท” แห่งคำชะโนด เป็นพญานาคาในอดีตกาล เป็นพี่ชายและบริวารเอกของพญานาคในปัจจุบัน ซึ่งมีมเหสีเอก ชื่อพญานาคคิณีศรีปทุมมา วิสุทธิเทวี เป็นพญานาคีในอดีต เป็นน้องสาวบุญธรรมและบริวารเอกของพญานาคีในปัจจุบัน 

    ในอดีตกาล เมื่อครั้งข้าพเจ้าเป็นมหาเทพสูงสุดบนสรวงสวรรค์ร่วมกับท่านพี่กิ้วอ้วง  ข้าพเจ้าชอบดื่มน้ำชามาก ครั้งหนึ่งข้าพเจ้าได้กลิ่นน้ำชาที่หอมหวล ซึ่งเป็นกลิ่นที่แตกต่างไปจากสรวงสวรรค์ ข้าพเจ้าตามกลิ่นชาไปจนกระทั่งไปถึงวังบาดาล ซึ่งเป็นวังที่สวยงามมาก แต่ข้าพเจ้าเห็นน้ำทิพย์ที่ใสสะอาด และอยากจะลงไปว่ายน้ำเล่น ครั้งจะลงไปว่าย กลับถูกน้ำทิพย์ดูดเข้าไปและกลายเป็นโคลน ทำให้ข้าพเจ้าเปรอะเปื้อนไปตั้งแต่หัวจรดเท้า  นาคราชคราม (วิสุท) มาเห็นเข้าจึงช่วยข้าพเจ้าขึ้นมา และสงสัยว่าข้าพเจ้าเป็นใคร เหตุใดจึงลงมายังสถานที่น้ำศักดิ์สิทธิ์ของนาคราช

     ซึ่งศรีสุทโธ เป็นผู้ดูแลอยู่ ซึ่งไม่มีนาคอื่น ๆ ตนใดที่ไม่ได้รับอนุญาต หรือใครจะสามารถเข้ามายังสถานที่แห่งนี้ได้ แต่ข้าพเจ้าหลุดเข้ามาได้  ครั้นวิสุท เห็นข้าพเจ้ามอมแมมไปทั้งหน้า ก็ได้แต่ยืนขำ และช่วยข้าพเจ้าขึ้นจากโคลน ข้าพเจ้ารู้สึกหงุดหงิดน้ำบ่อนี้มาก จึงได้หันไปต่อว่าน้ำ “ว่าบังอาจมากที่ทำให้เราเปรอะเปื้อนเช่นนี้ จงกลายเป็นน้ำสะอาดให้เราชำระร่างกายบัดเดี๋ยวนี้  “  ทันใดนั้นน้ำที่เป็นโคลน ก็กลายเป็นน้ำทิพย์ใสสะอาดเช่นเดิม ข้าพเจ้าจึงลงไปชำระร่างกาย ซึ่งวิสุท ได้แต่ยืนงง ที่ข้าพเจ้าสั่งน้ำทิพย์ของนาคาได้ และแปลกใจ เนื่องด้วยไม่รู้จักว่าข้าพเจ้านั้นคือใคร

     สักครู่ ศรีปทุม ได้เข้ามา (ศรีสุทโธ รักศรีปทุม ดั่งน้องสาวคนหนึ่ง)  วิสุท ได้บอกว่าศรีปทุม พาข้าพเจ้าไปเปลี่ยนชุด  ในวังนาคา มีชุดของนาคี ชุดหนึ่งเป็นชุดที่สวยงามมาก เป็นชุดพิเศษ หากใครใส่และเป็นจิตที่ไม่ดี จะถูกพิษของชุดนี้ทำให้ถึงตายได้ในทันที  เมื่อข้าพเจ้าเปลี่ยนชุดแล้ว ชุดนั้นเข้ากันกับข้าพเจ้าเป็นอย่างมาก นั่นทำให้ ศรีปทุม และวิสุท เกิดความสงสัยในตัวข้าพเจ้ามากขึ้น    เมื่อข้าพเจ้าเปลี่ยนชุดแล้ว ข้าพเจ้าจึงได้เล่าถึงการมาให้ทั้งสองฟัง   วิสุท ได้แต่หัวเราะ และชวนข้าพเจ้าร่วมดื่มน้ำชา (น้ำชานี้เป็นน้ำชาพิเศษ กลิ่นหอม แต่เมื่อดื่มแล้วกลิ่นจะไม่แรงมาก แต่ชุ่มคออย่างมาก  ข้าพเจ้าดื่มน้ำชากับทั้ง 2 และเสวนาอย่างสนุกสนาน ซึ่งทั้ง 2 ก็ได้ชวนข้าพเจ้าลงมาเที่ยวเล่นบ่อย ๆ และร่วมดื่มน้ำชาทุกครั้ง 

    ภายหลังเมื่อทั้ง 2 ล่วงรู้ได้ว่าข้าพเจ้าคือใคร จึงได้ก้มกราบ และต้อนรับข้าพเจ้าทุกครั้งจนเกิดเป็นความสนิทสนิมกลมเกลียว ดั่งพี่ดั่งน้อง

    ภายหลังจากวิสุท แต่งงานกับ ศรีปทุม และมีนางสนม 2 ตน  โดยวิสุท มีบุตรชายกับศรีปทุม 2 ตน และกับนางสนมอีก 1 ตน  ข้าพเจ้าก็มิได้ไปหาสู่กับวิสุทอีก เพียงแต่ไปหา ศรีปทุมเท่านั้น เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นที่เข้าใจผิดของนางสนมทั้ง 2 ได้ โดยทั้งนี้ วิสุท มิได้รักผู้ใด  สำหรับศรีปทุมก็รักดั่งน้องสาว การแต่งงานจึงเป็นการแต่งเพื่อหน้าที่ตามที่พญานาคีร้องขอ

    ไม่นานนัก ในขณะที่ข้าพเจ้าพาศรีปทุมมาท่องเที่ยงแดนสวรรค์ อยู่เรียนรู้งานกับข้าพเจ้า  อสูรกายได้บุกทำลายวังบาดาล ทำให้ วิสุท ได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก สูญเสียดวงตาข้างซ้าย และกระอักเลือดถึงแก่ชีวิต

       เมื่อข้าพเจ้าล่วงรู้ จึงได้ลงไปช่วยรักษาสภาพทางกาย และชุบชีวิตให้ วิสุทอีกครั้ง ซึ่งเท่ากับเป็นการจบสิ้นในหนึ่งชาติภพของวิสุท และสามารถหลุดจากความเป็นนาคา โดยความเป็นคู่กับศรีปทุม และนางสนมได้ยุติ ตาม

      ข้าพเข้าและศรีปทุม ได้ร่วมกันไปบุกทำลายเหล่าอสูร และซาตาน  ซึ่งเมื่อท่านพี่กิ้วอ้วงรู้ จึงได้รีบนำกำลังสวรรค์ไปช่วยปราบจนสิ้น  สำหรับศรีปทุม ได้ร่วมสู้กับข้าพเจ้าและปกป้องข้าพเจ้าจนชีวิตหาไม่  ข้าพเจ้าจึงได้ชุบชีวิตให้ใหม่ ภายหลังจากศรีปทุมได้ชีวิตใหม่ ก็เลือกที่จะอยู่กับข้าพเจ้าตลอดไป ไม่ได้กลับไปอยู่กับวิสุท อีก

       ตัวซาตานนั้นสามารถหลุดหนีไปได้  และได้ส่งบริวารเอก แอบแฝงเข้าสวรรค์ ขณะที่องค์มหาเทพไม่ได้อยู่ดูแล   และซาตานนั้นได้หนีมายังภพมนุษย์ เมื่อตั้งกองกำลังอีกครั้ง ข้าพเจ้ารู้ได้ ว่าสวรรค์มีบางสิ่งเปลี่ยนไป แต่เนื่องด้วยไม่มีองค์ใดเชื่อในข้าพเจ้า มหาเทพบางองค์ถูกอำนาจอสูรครอบงำ จนทำร้ายข้าพเจ้าอยู่หลายครั้ง และเป็นสาเหตุที่ทำให้ข้าพเจ้าปิดจิตตนเอง และใช้ร่างของพระแม่กวนอิม ใช้อดีตชาติของน้องไป๋ทู๋ มาเกิดในชาติภพนี้ เพื่อมิให้อสูรตามหาได้ โดยมิได้บอกแก่ผู้ใด แม้แต่ท่านพี่กิ้วอ้วง ซึ่งทำให้ท่านพี่เสียใจและไม่พอใจเป็นอันมากในช่วงเวลาที่ผ่านมา

    บัดนี้ องค์ศรีสุทโธนาคราช (วิสุท)  ปัจจุบันได้มาอยู่กับข้าพเจ้านั้นร่วมกับทุกองค์ และได้เล่าอดีตต่าง ๆ ให้ข้าพเจ้าได้ฟัง และได้แยกร่างมาเกิดเป็นมนุษย์ 2 ร่าง ขอไม่เอ่ยนามในที่นี้

    ศรีสุทโธนาคราช (วิสุท) นั้น ภายหลังจากข้าพเจ้าได้ชุบชีวิตให้ใหม่แล้ว ได้ตั้งใจเพียรปฏิบัติจนสามารถมาอยู่กับข้าพเจ้าได้ในเวลานี้

    ในยุคนี้ นาคราชต่าง ๆ ได้มาเกิดเป็นมนุษย์มากมาย  บ้างก็เพื่อสั่งสมบุญเพื่อให้หลุดพ้นจากความเป็นพญานาค บ้างก็มาทำหน้าที่ตามที่ได้รับบัญชา โดยยังคงเป็นความพญานาคเช่นเดิม บ้างก็มาเพื่อช่วยข้าพเจ้าปราบเหล่าปีศาจ อสูรร้ายทั้งหลาย และเพื่อสั่งสมบุญบารมีให้แก่ตนเองเช่นกัน





ภาพ พญานาคคิณีศรีปทุมมา วิสุทธิเทวี (พญานาคเขียวตองอ่อน น้องสาวและบริวารเอกพญานาคีปัจจุบัน )  มเหสีเอก ศรีสุทโธนาคราช (พญานาคสีคราม)



ภาพแสดงศรีสุทโธนคราช ที่ข้าพเจ้าได้ทำการแต่งภาพใหม่ ตามใบหน้าที่แท้จริงจากที่เห็นในทุกวันนี้ ใบหน้าที่แท้จริง ตามภาพนี้ทุกประการ  อีกทั้งมีลักยิ้ม 2 ข้าง มีเขี้ยวเสน่ห์ 2 ข้าง มีใบหน้าที่อ่อนหวานแลดูอบอุ่น มีน้ำเสียงที่เหมือน เบิร์ด ธงชัย แมคอินไตย อย่างมาก หากฟังจากเสียงก็คงคิดว่าเป็นเบิร์ด ธงชัย



พบกับ พระสยามเทวาธิราช


วันเสาร์ที่ 30  เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
    ค่ำคืนนี้ขณะที่กำลังชำระล้างร่างกายเสร็จในเวลา 19.30 น. ก็ได้พบกับสยามเทวาธิราช (ปกติจะเรียกสยามเทวา) ชื่อจริงแต่ดั้งเดิมมีชื่อว่า พระมหาปัญจรัตน์เทวาโพธิสัตว์ ซึ่งเป็นจิตที่มาหา ส่วนกายนั้นยังคงรักษาตัวอยู่ในห้องแลปเนื่องจากถูกอสูรเข้าครอบงำมานานแสนนาน และทำร้ายข้าพเจ้าตลอดมาจวบจนทุกวันนี้



ภาพตัวอย่างการรักษาในห้องแลปคล้ายกับที่พบเห็นได้ในภาพยนตร์ปัจจุบัน


    พระสยามเทวาธิราชนั้น แต่เดิมเป็นคู่ที่สนิทชิดเชื้อกับข้าพเจ้าอีกองค์บนสรวงสวรรค์  ก่อนที่ข้าพเจ้าจะลงมาเกิดนั้น ได้สังเกตเห็นว่าสยามเทวามีปฏิกิริยาต่าง ๆ ที่แปลกไป แต่ท่านพี่กิ้วอ้วงนั้นไม่เชี่อในสิ่งที่ข้าพเจ้าบอกกล่าว 

       ข้าพเจ้าได้ลงมาเกิดบนภพมนุษย์ เนื่องด้วยรู้ว่ามหาซาตานนั้นลงมายังภพมนุษย์ตั้งฐานทัพอีกครั้ง  เมื่อเกิดเรื่องราวบนสวรรค์มากมาย ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจปิดจิตตนเองและหนีลงมาเบื้องล่าง แต่ในขณะนั้น สยามเทวา องค์ไท้ส่วย 60 องค์ และหลวงพ่อโสธร ได้ถูกอสูรกายเข้าครอบงำจิต และใช้อำนาจแห่งมหาเทพทำร้ายข้าพเจ้าตลอดเวลาที่ผ่านมา

    ด้วยเหล่าอสูรรู้ว่า สยามเทวาจะเป็นผู้ทำการทั้งหลายสำหรับโลกใบนี้ในยุคนี้ จึงได้เข้าครอบงำจิตสยามเทวา ในระหว่างที่สยามเทวาและทวยเทพอีกหลายองค์นั้นเพลี่ยงพล้ำ  เพื่อขัดขวางและหมายกำจัดข้าพเจ้าให้สิ้นเสีย เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการทำงานของเหล่าอสูรทั้งหลาย

      เมื่อไม่นานมานี้ สวรรค์ได้รู้ว่าสยามเทวาเป็นผู้คิดทำร้ายข้าพเจ้าตลอด ท่านพี่กิ้วอ้วงจึงได้ช่วยกันทำลายอสูรร้ายในตัวสยามเทวา  และนำร่างไปแช่ในน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์แห่งสรวงสวรรค์ในห้องทดลอง จนขณะนี้เชื้ออสูรร้ายไม่มีแล้ว รอเพียงให้ร่างกายและจิตนั้นกลับมาแข็งแรงดังเดิม  นั่นเป็นเหตุให้สวรรค์ยังไม่พร้อมที่จะทำงานในเวลานี้ เนื่องด้วยสยามเทวาเป็นผู้ดูแลกิจการทั้งหมดโดยตรงร่วมกับท่านพี่กิ้วอ้วงในการสังคายนาภพมนุษย์นี้

    สยามเทวาในยุคนี้ถือเป็นมหาเทพที่ครองตำแหน่งหนุ่ม รูปงาม และเร้าใจ ต่อจากท่านพี่กิ้วอ้วง อุปนิสัย  ไม่ค่อยมีความโรแมนติก จริงใจ มั่นคง  พูดหวานไม่เป็น  อยากได้อะไรก็ต้องทำให้ได้  ดื้อรั้น ไม่ค่อยยอมใคร เอาแต่ใจตนเอง…..

    ทั้งนี้ท่านพี่ให้ข้าพเจ้าวาดภาพเหมือน ศรีสุทโธ และสยามเทวา เพื่อให้คนทั่วโลกได้เห็นในภายหน้า

    ศรีสุทโธนาคราชนั้นเป็นบุตรชายของพระสยามเทวาธิราช  ดังนั้นจะมีใบหน้าที่คล้ายคลึงกัน แต่สยามเทวาจะดื้อรั้น ดันทุรัน ส่วนศรีสุทโธ จะอบอุ่น นุ่มนวล เข้าใจผู้อื่นได้ง่าย

    ในเวลานี้สยามเทวาก็ได้มาอยู่กับข้าพเจ้าเฉกเช่นเดียวกันกับทุก ๆ องค์ และนิสัยก็ยังคงดื้อรั้นเหมือนเดิม ไม่มีเปลี่ยนแปลง…..



ภาพวาด ศรีสุทโธนาคราข



ภาพวาดพระสยามเทวาธิราช (พระมหาปัจรัตน์เทวา โพธิสัตว์)


                                                                        นาคคิณีเผือก ศรีสุดามณีจันทร์


วันจันทร์ที่  9 เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2560
     บ่ายวันนี้ได้พูดคุยบริวารเอกเรื่องพญานาค ได้เล่าให้ฟังว่าเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา อี๊เกียง บุตรสาว และหลานสาว ได้เดินทางมาหาข้าพเจ้า ในช่วงพลบค่ำของวันศุกร์ ขณะที่ข้าพเจ้านอนเล่นกับบุตรสาวบนเตียง ข้าพเจ้านอนดูมือถือ หางตาได้เห็นใบหน้าของบุตรสาว แต่เป็นหญิงอีกคน ที่ใบหน้าซีดเผือก ดวงตากลมโตไร้แววตา ส่วนใหญ่มีแต่ตาขาว จ้องมองข้าพเจ้าเขม็งด้วยความไม่พอใจตลอดเวลา ระยะห่างประมาณ 1 คืบเห็นจะได้ ข้าพเจ้าเห็นอยู่ประมาณ 3-4 ครั้ง จึงได้นำสร้อยพระให้บุตรสาวใส่ แต่ไม่ได้เล่าให้ใครฟัง

    หลังจากบอกเล่าเรื่องราวให้น้องฟัง  น้องได้บอกแก่ข้าพเจ้าว่าเมื่อไม่นานมานี้ได้ไปไหว้พระแห่งหนึ่ง ซึ่งขณะนั้นเหลือแค่น้องยืนไหว้คนเดียว มารดาน้องเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ผมยาว รุงรัง อยู่ติดกับร่างของน้อง ซึ่งทำให้มารดาไม่สบายใจ ข้าพเจ้าจึงรู้ได้ทันทีว่า เป็นหญิงคนเดียวกันกับที่เห็น

    ภายหลังจากพิจารณาแล้วจึงรู้ได้ว่าเป็นพญานาค ซึ่งมีความคับแค้นใจกับศรีปทุมมาแต่อดีตกาล  ภายหลังจากข้าพเจ้าได้พิจารณาแล้วจึงได้เปิดภาพดู โครงหน้าสะสวยคล้ายกับดาวิกา ที่แสดงเรื่องเป็นนางรำ ซึ่งหลายปีก่อนเคยมาหาข้าพเจ้าแล้วด้วยสายตาเช่นนี้ ในระหว่างที่ข้าพเจ้าปราบเหล่าปีศาจทั้งหลายร่วมกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์



ภาพตัวอย่างดาวิกา คล้ายกับใบหน้าของพญานาคที่มาให้เห็น


    เมื่อได้เปิดภาพและพูดคุยสักพักผ่านหน้าจอเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ข้าพเจ้าทำงาน โดยมีน้องยืนอยู่ข้าง ๆ จึงได้รู้ว่า เมื่อครั้งที่เหล่าอสูรเข้าถล่มวังบาดาลนั้น ทำให้พญานาคคิณีเผือกถึงแต่ชีวิต ในขณะที่มีลูกอ่อน เป็นบุตรสาวอยู่ในครรภ์ และมีบุตรชาย (นาคตัวผู้) อีกตนอายุเท่ากับบุตรชายศรีปทุมทั้ง 2  ในเวลานั้นศรีปทุมอยู่กับข้าพเจ้าบนสวรรค์  แต่เหล่าอสูรได้จำแลงกายเป็นศรีปทุมเข้าบุกวังบาดาล และทำร้ายนาคราชถึงแก่ความตายมากมาย ซึ่งนาคิณีเผือก แต่เดิมนั้นเป็นสหายที่สนิทกับข้าพเจ้าและศรีปทุมมาก รักศรีปทุมแทบจะเหมือนพี่เหมือนน้อง เป็นสนมของศรีสุทโธ เป็นนาคจากต่างเมืองซึ่งได้แต่งงานกับศรีสุทโธ   จากความเข้าใจผิดนี้ทำให้เกิดความแค้นฝังใจและตามหาข้าพเจ้าและศรีปทุมมาจนพบในวันนี้  และได้พยายามตามหาบุตรสาวของตนตลอดเวลา

    ด้วยความแค้นของนาคิณีเผือกทำให้ตกเป็นทาสรับใช้ของหมอผี ซึ่งก็ได้มีส่วนร่วมทำร้ายข้าพเจ้าตลอดมา  

    ในวังบาดาลในเวลานั้น ได้มีนาคที่คิดทรยศ สมคบคิดกับเหล่าอสูร นำพาให้เหล่าปีศาจทั้งหลายบุกเข้าสู่วังนาคาได้

    ทั้งนี้ข้าพเจ้าได้รู้ชื่อว่า นาคิณีเผือกนี้ ชื่อว่า นาคิณีศรีสุดามณีจันทร์    ซึ่งข้าพเจ้ามักจะเรียกว่า มณีจันทร์เสมอ   อีกทั้งชื่อของข้าพเจ้าที่พระแม่กวนอิมได้ตั้งไว้ให้หลายปีก่อนว่า “จันทร์สุดา” นั้น เป็นชื่อที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกองค์ตั้งให้สอดคล้องกับเหล่าพญานาค เพราะเห็นว่าข้าพเจ้าชอบไปเที่ยวเล่นในวังบาดาล และเป็นที่รักใคร่ของเหล่าพญานาคทุกตน   ด้วยข้าพเจ้านั้นแต่เดิมไม่ได้มีชื่อให้เรียก ทั่วไปมักเรียกว่า องค์นารี ตามที่เห็นเท่านั้น
    ข้าพเจ้าามักจะให้ยืมม้าสีขาวข้าพเจ้า ให้ศรีสุทโธ พามณีจันทร์ไปขี่เล่นเสมอ




ภาพตัวอย่างจาก internet พญานาคีเขียวตองอ่อน ว่ายน้ำเล่นกับพญานาคีเผือก

    หลังจากพูดคุยจนเป็นที่เข้าใจทุกอย่างแล้ว ข้าพเจ้าจึงได้ตามหาบุตรสาวของนาคมณีจันทร์จนพบ และได้รู้ว่าเป็นนาคเผือก ซึ่งน้องครั้นได้ยิน ก็แปลกใจ และเล่าให้ฟังว่าเคยฝันเห็นเหล่านาคเผือกมาต้อนรับ เมื่อไม่นานมานี้
    ในที่นี้ขอไม่เปิดเผยภาพบุตรสาวของนาคมณีจันทร์

แหวนประจำองค์ศรีสุทโธและองค์กิ้วอ้วง



วันจันทร์ที่ 13 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
    เช้านี้เวลา 02.30 ขณะกำลังจะตื่นนอน รู้สึกได้ถึงนิ้วกลาง และนิ้วนางข้างขวา ได้มีแหวนสวมที่นิ้ว 2 วง   วงหนึ่งสวมที่นิ้วกลาง   อีกวงสวมที่นิ้วนาง  จากนั้นแหวนได้รวมตัวกัน เหลือเพียง 1 วงสวมที่นิ้วนางข้างขวา  ข้าพเจ้ารู้สึกอึดอัดเนื่องจากปรกติจะไม่ได้สวมแหวน จึงได้พยายามที่จะถอดออก แต่ไม่สามารถถอดออกได้  เมื่อตื่นนอน ท่านพี่จึงบอกว่า  แหวนวงที่สวมที่นิ้วกลาง เป็นแหวนแห่งอำนาจทั้งปวงของท่านพี่กิ้วอ้วงฮุกโจ้ว มอบไว้ให้ข้าพเจ้า สำหรับแหวนที่สวมที่นิ้วนางข้างขวา เป็นแหวนประจำตัวของศรีสุทโธ เปรียบดั่งหัวใจของ วิสุท ซึ่งวิสุทใส่ไว้ตลอดไม่เคยถอด บัดนี้ได้มอบแหวนวงนี้ให้กับข้าพเจ้าเป็นผู้รักษาตลอดไป และได้หล่อหลอมแหวนทั้ง 2 วงเข้ารวมเป็นหนึ่งเดียว สวมที่นิ้วนางข้าพเจ้า ซึ่งโดยมนุษย์ทั่วไปจะไม่สามารถเห็นได้  คงมีเพียงบางคนหรือบางรูปเท่านั้นที่จะเห็นได้

    และก่อนตื่นนอนเวลา 04.30 อีกครั้ง ท่านพี่ได้ป้อนยาแก้แพ้ให้ข้าพเจ้าทาน 1 เม็ด เพื่อรักษาร่างกายข้าพเจ้าให้กลับคืนสภาพปกติ โดยเฉพาะใบหน้าของข้าพเจ้า

    ลักษณะแหวนของท่านพี่กิ้วอ้วง เป็นแหวนเงินแท้ ลักษณะหัวแหวนประกอบด้วยทับทิม 9 เม็ด 9 สีแทนสัญลักษณ์ 9 องค์  ประกอบด้วย สีแดง  เหลือง  ชมพู   เขียว  ขาว ฟ้า  น้ำเงิน  ดำ  ม่วง




    ลักษณะแหวนของศรีสุทโธ  เป็นแหวนเงินแท้ประดับด้วยเพชรล้อมรอบ ตัวแหวนเป็นลำตัวพญานาค  หัวแหวนเป็นหัวพญานาคประดับด้วยทับทิม 7 เม็ด ประกอบด้วย สีขาว น้ำเงิน เหลือง เขียว ม่วง ดำ แดง (ลักษณะคล้ายตัวอย่าง)



    ลักษณะการรวมกันของแหวนทั้งสอง เป็นแหวนทรงแบน   ตัวแหวนเป็นเงินแท้ ล้อมรอบด้วยลายพญานาคสีคราม ประดับด้วยเพชรตามลำตัวพญานาค  ส่วนหัวแหวนประกอบด้วยทับทิม 10  เม็ด



ลักษณะคล้าย ๆ ภาพตัวอย่าง ตัวแหวนเป็นพญานาค ประดับเพชร 2 ข้างรอบแหวนเป็นเงินแท้

 


เปิดดวงตาทิพย์  ดวงตาพญานาค


วันพฤหัสบดีที่ 7 เดือน ธันวาคม พ.ศ. 2560
    เช้ามืดวันนี้เวลา 03.35 น. ท่านพี่ได้ทำการเปิดดวงตาทิพย์ ลักษณะตาทิพย์เป็นแนวตั้ง ดวงใหญ่กว่าทุกดวง ตาสองชั้น  นัยน์ตาเป็นสีน้ำเงิน และรู้สึกได้ว่าดวงตานั้นมีหางยาวประมาณ 2 นิ้วดิ้นไปมาได้ ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกตกใจ ภายหลังจึงได้รู้ว่าเป็นดวงตาพญานาค หรือเพชรนาคราช ของศรีสุทโธนาคราช จากนี้องค์ท่านจะได้ทำการทดสอบดวงตา จากนี้รอเปิดดวงตาอื่นต่อไป
    ดวงตาทิพย์ดวงแรกที่อยู่ระหว่างหัวคิ้ว เป็นแนวนอน มีแสงสีน้ำเงินดั่งที่บุตรสาวเห็นได้
    ดวงตาทิพย์ดวงที่สองอยู่เหนือดวงแรก เป็นแนวตั้ง มีแสงสีเหลือง ลักษณะใหญ่โตกว่าทุกดวง    นัยน์ตาเป็นสีน้ำเงิน




ลักษณะดวงตาพญานาคจะเป็นดั่งนี้  ดวงตาใหญ่ มีชีวิต หางสามารถขยับไปมาได้






เปิดดวงตาทิพย์ ดวงตาสุริยะเทพ


วันอังคารที่ 26 เดือน ธันวาคม พ.ศ. 2560
    ค่ำนี้เวลาประมาณ 19.30 น. ขณะที่กำลังร่วมงานเลี้ยงฉลองปีใหม่ที่ทางมหาวิทยาลัยได้จัดขึ้น ณ โรงยิมชั้น 3  ในช่วงเวลาที่มีการแสดงบนเวที ดวงตาทิพย์ อยู่เหนือจากดวงที่สองขึ้นไป ได้ถูกเปิดขึ้น โดยดวงตาทิพย์นี้จะมีแสงสีขาวเจิดจรัสจ้ามาก ไม่สามารถมองด้วยตาเปล่าทั่วไป  เทพทั่ว ๆ ไป ต้องหาอุปกรณ์(แว่นตา) กันแสงมาใส่ จึงจะสามารถมองดวงตาทิพย์ที่สามนี้ได้ แต่สำหรับมหาเทพทุกองค์สามารถมองได้ตามปกติ  
         ดวงตาทิพย์ที่สามนี้เป็นแนวนอน แสงสีขาวสว่างจ้า  ลักษณะดวงตาค่อนข้างกลมกว่าดวงแรก  นัยน์ตาจะเหมือนเด็กทารก  แต่แสงสว่างที่สาดส่องออกมานั้น สามารถทำลายทุกสิ่งที่อยู่ในรัศมีให้แหลกลาญได้ในพริบตา ดังนั้นเทพทั้งหลายจึงต้องมีอุปกรณ์ป้องกันตนเอง    ดวงตานี้คือดวงตาสุริยะเทพ กระนั้น ขณะที่ดวงตาถูกเปิดออก ทุกองค์ที่ร่วมงานต่างแสดงความตื่นเต้น และดีใจ จากนี้ท่านพี่จะได้ทดสอบดวงตาทิพย์ทั้ง 3 ดวงต่อไป  และรอการเปิดดวงตาทิพย์ที่สี่ ที่กลางฝ่ามือข้างขวา




ลักษณะดวงตาสุริยะเทพจะกลมโต เมื่อเปล่งรัศมีจะเจิดจ้าจนมองไม่เห็นดวงตา เห็นแต่แสงสีขาวทั้งดวง สิ่งใดอยู่ใกล้รัศมีจะมลายไปในทันที

พบท้าวเวสสุวรรณ


วันอาทิตย์ที่ 7 เดือน มกราคม พ.ศ. 2561
    วันนี้เพือ่น ได้ช่วยข้าพเจ้านำของบางส่วนส่งกลับเชียงใหม่ โดยไปส่งที่นิ่มซี่เส็ง พุทธมณฑลสาย 2  จากนั้นได้พาข้าพเจ้าไปไหว้พระที่วัดท่าไม้  ภายหลังจากได้ไหว้พระแล้วก่อนกลับได้เข้าไปดูในห้องวัตถุมงคล และได้พบกับท่านเวสสุวรรณ หน้าตาหล่อเหล่า ไม่มีหนวดเครา ขี่ควาย มือถือดอกบัว รูปร่างงดงาม องค์สีทองอร่าม  องค์ท่านได้บอกว่าคิดถึงข้าพเจ้ามาก รอคอยและติดตามหามานาน ในที่สุดก็ได้พบเจอ ทั้งนี้ข้าพเจ้าอยากจะเช่าบูชากลับ แต่เนื่องด้วยราคา 8000 บาท ไม่มีเงิน จึงไม่ได้เช่ามาแต่อย่างใด แต่ทั้งนี้ท้าวเวสสุวรรณก็ได้ติดตามข้าพเจ้าและมาอยู่ด้วยกับทุกองค์ 

    ทั้งนี้ข้าพเจ้าจะโยกย้ายกลับเชียงใหม่ โดยป่าป๊ากู๋ และอากง จะมารับในวันที่ 20 มกราคมนี้ กลับไปปลูกเมล่อนปลอดสารพิษ



ทดสอบไฟโลกัณฑ์ ดวงตาทิพย์ ดวงที่สอง ดวงตาพญานาค


วันพฤหัสบดีที่ 1 เดือน กุมภาพันธ์ 2561
    เช้าคืนที่ผ่านมาได้เกิดจันทรุปราคา พระจันทร์สีเลือดในรอบ 152 ปี  เช้ามืดของวันนี้ขณะกำลังจะตื่นและนอนเล่นอยู่นั้น ได้รู้และเห็นว่า ดวงตาทิพย์ดวงที่สอง  ดวงตาทิพย์พญานาคได้มีไฟลุกทั้งดวง  แต่ไม่ได้ร้อนแต่อย่างใด  สักครู่ไฟจึงหายไป  ซึ่งองค์กิ้วอ้วงได้ทำการทดสอบไฟโลกัณฑ์ในดวงตาทิพย์ที่สองนี้ และยังคงกระทำบางอย่างกับดวงตาทิพย์ดวงนี้ไปอีกสักระยะ





เปิดดวงตาทิพย์พญาครุฑ


วันพุธที่ 24 เดือน เมษายน พ.ศ. 2562
    เวลาประมาณ ตี 4 ของวันพุธ ข้าพเจ้าได้ตื่นมา มองเห็นดวงตามหาครุฑของข้าพเจ้าเป็นสีบานเย็นอย่างสวยงาม ซึ่งองค์กิ้วอ้วงได้จัดทำให้โดยชนกับเสาร่มเหล็กของพ่อค้าที่ตลาดนัดรวมโชคเมื่อไม่นานมานี้ จนกลายเป็นแผลเป็น  และที่สุดจึงได้รู้ว่าเป็นดวงตามหาครุฑ  และขณะนี้ดวงตานี้ได้เปิดทำงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  และได้ทดสอบแสดงตาก่อนหน้านั้นบนดวงจันทร์ที่อินโดนีเซีย 

    ปัจจุบันดวงตาทิพย์ในร่างนี้เปิดใช้แล้ว 180 ดวง เป็นที่เรียบร้อย รอเพียงอีก 2 ดวงตาจักรวาล  อยู่ภายในดวงตาจริงทั้ง 2 ข้าง จากนั้นจึง พร้อมสำหรับการปฏิบัติภารกิจในทุกอย่าง




ดวงตามหาครุฑบนหน้าผากเหนือคิ้วข้างขวาของข้าพเจ้า และภาพพระจันทร์ดวงตามหาครุฑที่อินโดนีเซียในวันที่ 21 เมษายน 2562  ลักษณะดวงตาที่เป็นสีบานเย็น แสดงถึงการทำงาน เหมือนสีดวงตาทิพย์อื่น ๆ ทั้งหมด

     การทำตาทิพย์แต่ละดวง ไม่ได้คำนึงถึงความเจ็บปวดที่ข้าพเจ้าจะได้รับแต่อย่างใด เมื่อถึงเวลาสร้าง ก็จะหาโอกาสสร้างทันที ตามกำหนดเวลาสวรรค์



องค์ติวอ๊วง  มาเกิดเป็นหมาน้อยที่บ้าน ชื่อ ก๊อกน้ำ

 

วันที่   17 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

                วันนี้หลานได้ลูกสุนัขจากเพื่อนมา 1 ตัว  เมื่อข้าพเจ้าพิจารณาดู จึงรู้ได้ว่า สุนัขตัวนี้ อดีตชาติคือ องค์ติวอ๊วง  ซึ่งเป็นพระราชบิดาขององค์หญิงไป๋ทู่กลับชาติมาเกิดนั่นเอง  จึงได้รับเลี้ยงไว้ตราบจนทุกวันนี้   โดยหลานสาวได้ตั้งชื่อสุนัขตัวนี้ว่า  “ ก๊อกน้ำ”

                เมื่อใดที่ข้าพเจ้ามองดูก๊อกน้ำ จะรู้สึกถึงความเวทนา  เพราะเห็นภาพที่ได้ชดใช้กรรมในนรกภูมิมาก่อนที่จะมาเกิดเป็นสุนัขในชาตินี้    ไม่วาคนเราจะมีวาสนาสูงส่งเพียงใด  หากติดในกิเลส กระทำแต่กรรม สุดท้ายก็ไม่พ้นการเริ่มเวียนว่ายตายเกิดจากสัตว์เดรัจฉาน






 

ภาพก๊อกน้ำ

 

พบบริวารเอกพระแม่กาลี

 

                จากการที่ข้าพเจ้าดูข้อมูลจาก facebook  ทำให้ข้าพเจ้าได้พบเจอกับบริวารเอกพระแม่กาลี  ซึ่งแต่เดิมเมื่อครั้งอยู่สวรรค์นั้น ข้าพเจ้านับถือเป็นพี่สาวบุญธรรมองค์หนึ่ง  ปัจจุบันได้มาจุติเป็นมนุษย์

                ข้าพเจ้าได้รู้จักและคบหากัน ต่างก็รู้ถึงที่มาที่ไปของกันและกันดี  จึงได้ช่วยเหลือเกื้อกูล และต่างทำหน้าที่ของตนเองจวบจนปัจจุบันนี้

              
พี่กาลี ให้ได้ข้าพเจ้าวาดภาพเหมือนบริวานเอกองค์ท่าน ครั้งเมื่ออยู่บนสวรรค์ไว้เป็นที่ระลึก และส่งมอบภาพวาดให้กับเจ้าของนี้

นับจากนี้เป็นเรื่องราวของข้าพเจ้ากับ มหาครุฑแดงที่ได้ลงมาเข้าร่างมนุษย์ผู้หนึ่ง เพื่อตามหาข้าพเจ้า และอยู่ร่วมกับข้าพเจ้า หากแต่ยังคงมีเรื่องราวมากมาย แต่จะขอบันทึกไว้แต่เพียงเท่านี้

 

















 





ภาพเหมือน บริวารเอก พระแม่กาลี


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บันทึกปาฏิหาริย์ บทสวดมนต์พระแม่กวนอิม 1-23

ภาคบทสวดมนต์ พระแม่กวนอิม         บทสวดมนต์นี้ ข้าพเจ้าได้ฟังจากบทสวดและถ่ายทอดเป็นตัวหนังสือ พร้อมกำหนดเสียงสูง ต่ำ ให้สอดคล้องกับบทสวด...